วันพุธ, กรกฎาคม 05, 2566

เปิดใจ ‘ป้าบังอร’ จากเสื้อแดงสู่ด้อมส้ม เชื่อ ปิดฉากรปห. ถ้าพิธาเป็นนายกฯ ฝากบอก ส.ส.ถ้ามีอุบัติเหตุ ‘ออกมาสู้’ ปชช.จะอยู่เคียงข้าง



เปิดใจ ‘ป้าบังอร’ จากเสื้อแดงสู่ด้อมส้ม เชื่อ ปิดฉากรปห. ถ้าพิธาเป็นนายกฯ

4 กรกฎาคม 2566
มติชนออนไลน์

‘ป้าบังอร’ มาส่งใจพิธา-ฝากบอก ส.ส.ถ้ามีอุบัติเหตุ ‘ออกมาสู้’ ปชช.จะอยู่เคียงข้าง เปิดใจอดีตเสื้อแดง สู่แฟนด้อมส้ม

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่สัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพฯ หลังจากค่ำวานนี้ (3 ก.ค.) มีรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้มีวาระพิเศษที่ประชาชนเฝ้าจับตาคือ การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งแรก ซึ่งประกอบด้วย 8 พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม

เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าอาคารรัฐสภา (ฝั่ง ส.ส.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนตั้งแนวพร้อมแผงเหล็กประมาณ 20-30 นาย โดยบริเวณใกล้เคียงมีการติดข้อความบนแผงเหล็กว่า “พื้นที่ชุมนุม ในรัศมี 50 เมตร จากรัฐสภา ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล 298/2566 ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 7 วรรคท้าย” นอกจากนี้ ยังมีรถตู้ตำรวจจอดอยู่บริเวณใกล้เคียงอีกหลายคัน

โดยรายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) สแตนด์บายบริเวณอาคารรัฐสภาและโดยรอบทั้งหมด 7 กองร้อย กองร้อยละ 170 นาย รวม 1,190 นาย

ขณะเดียวกัน มีประชาชนผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองอิสระ และเสื้อแดงเก่า เดินทางมารวมตัวด้านหน้าทางเข้าอาคาร โดยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีส้มไปจนถึงเสื้อสกรีนข้อความ “หัวคะแนนธรรมชาติ” นั่งจับกลุ่มกางร่ม ขายสินค้าที่มีสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล อาทิ หมวก เสื้อยืด ร่ม โดยบางส่วนถือป้ายข้อความ อาทิ “เรารักก้าวไกล” “เป็นกำลังใจให้ ราษฎร ก้าวไกล ประชาชน” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเจรจากับกลุ่มมวลชน ก่อนจะขอให้ย้ายไปปักหลักฝั่งตรงข้าม ห่างจากประตูสภา 50 เมตร ตามประกาศที่ติดไว้

น.ส.บังอร แซ่เหลี่ยง อายุ 62 ปี ชาวกรุงเทพฯ อดีตคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากตลิ่งชัน และมีเพื่อนที่เดินทางมาจากหลายจังหวัด วันนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทยให้ได้ และให้กำลังใจทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลให้จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยวันนี้ตนเดินทางมาถึงหน้าทางเข้ารัฐสภา (ฝั่ง ส.ส.) ตั้งแต่ 09.00 น. ยืนยันว่าจะอยู่รอให้กำลังใจนายพิธาจนกว่าการโหวตจะเสร็จสิ้น พร้อมทั้งจะรอส่งนายพิธาและ ส.ส.พรรคก้าวไกลกลับบ้าน

เมื่อถามว่าได้เห็น ส.ส.หน้าใหม่คนไหนแล้วบ้าง?

น.ส.บังอรกล่าวว่า ตั้งแต่มายังไม่เห็นหน้า ส.ส. โดยต้องย้ายมานั่งอีกฝั่งเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่าเป็นการชุมนุม

“ยังไม่ได้เห็น (ส.ส.) สักคน ไปนั่งตรงนู้นเขาไม่ให้นั่ง ต้องห่างจากประตู 50 เมตร เขากลัว หาว่ามาชุมนุม แต่พวกป้าไม่ได้ชุมนุมหรอก มาให้กำลังใจ ก็เลยติดเสื้อมาขาย หาค่ารถ กำไร 10-20 บาทเอง พวกป้ารักพรรคก้าวไกลและนายกฯพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักทุกคนเลย” น.ส.บังอรกล่าว

นอกจากนี้ น.ส.บังอรยังเล่าประสบการณ์ในฐานะคนเสื้อแดงที่ผ่านเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 เป็นหนึ่งในคนเสื้อแดงที่อยู่หน้าเวทีตลอด ตากแดด ตากฝน ไม่เคยกลับบ้านกลับช่อง เมื่อทหารยิงเข้ามาหลังเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงที่มี นพ.เหวง โตจิราการ เป็นแกนนำ ตนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง

“ป้าอยู่หน้าเวทีกัน 2 คน ถ้าลุงไม่เข้าไปรับป้า สุดท้ายไม่ได้กลับ ทหารขึ้นไปข้างบน ไปแย่งไมค์จากหมอเหวง แล้วทุกคนเข้าใจว่าป้าถูกยิงตาย เพราะว่าปืนจ่อลงมาข้างล่าง หมอเหวงก็บอกว่า ‘อย่าฆ่าประชาชน’ ถ้ายิงลงมาคือป้าตายเพราะอยู่ตรงเวทีเลย” น.ส.บังอรกล่าว

เมื่อถามว่า คิดว่าในอนาคตจะเกิดการรัฐประหารขึ้นซ้้ำรอย ต้องเห็นภาพแบบนี้อีกหรือไม่?

น.ส.บังอรกล่าวว่า ตนคิดว่าถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“จะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น มั่นใจว่าไม่มีอีก ถ้าพิธาเป็นนายกฯ” น.ส.บังอรชี้

เมื่อถามว่า ถ้ามีอุบัติเหตุทางการเมือง พร้อมที่จะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่?

น.ส.บังอรกล่าวว่า ถ้ามีรัฐประหารอีก ขอให้คณะรัฐมนตรี 8 พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนออกจากรัฐสภามาสู้ร่วมกับประชาชน

“ออกมาสู้ร่วมกันกับประชาชน ประชาชนจะอยู่เคียงข้าง ฝ่ายประชาธิปไตยสู้ไปด้วยกัน”

เมื่อถามว่า อะไรคือจุดเปลี่ยนจากคนเสื้อแดงกลายเป็นแฟนคลับด้อมส้ม?

น.ส.บังอรเผยว่า สาเหตุที่เปลี่ยนมาสนับสนุนนายพิธาและพรรคก้าวไกล เนื่องจากอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง

“ป้าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากให้คนรุ่นใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ป้าไม่อยากย่ำอยู่กับที่ ป้าก็เป็นคนเพื่อไทย ที่บ้านป้า 11 เสียง ก็มอบให้กับเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่นั้นมาป้าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยจากนายกฯพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็เลยมาเลือกก้าวไกลหมดเลย อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง อยากก้าวหน้า เดินต่อไปข้างหน้า เพื่ออนาคตลูกหลาน เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยป้าก็ตายแล้ว อยากให้ลูกหลานมีอนาคตที่ดี การเมืองดีปากท้องดี เพราะตรงนี้แหละถึงเลือกก้าวไกล” น.ส.บังอรเผย

ทั้งนี้ นายเซียนหมิน แซ่ซือ อายุ 69 ปี อดีตคนเดือนตุลาคม หนึ่งในผู้ที่ผ่านเหตุการณ์เข้าป่า (6 ตุลาคม 2519) ยังร่วมเล่าประสบการณ์ทางการเมือง พร้อมเปิดเผยว่า ตนนำบัตรแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาด้วยในวันนี้