ทำไม "ไทย" รั้งท้ายการจัดอันดับ "ระบบบำนาญ" ที่ดีที่สุดในโลก?
20 ต.ค. 2565
เวป การเงินธนาคาร
บทความโดย : ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Economist, Bnomics
Mercer CFA Institute ได้จัดทำรายงานการจัดอันดับประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดและแย่ที่สุดในปี 2022 โดยดูจากดัชนีชี้วัดระบบบำนาญที่จัดทำขึ้นโดย Mercer CFA Institute หรือ Mercer CFA Institute Global Pension Index
ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่พลิกโผ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก ยังคงครองแชมป์ 3 อันดับแรกของประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในโลกเช่นเคย
แต่สิ่งที่น่าตกใจและอาจทำให้ไทยหันกลับมาตระหนักถึงความเปราะบางในระบบบำนาญของเรามากขึ้นคือ ระบบบำนาญของไทย ถูกจัดอยู๋ในอันดับท้ายสุดจากทั้งหมด 44 ประเทศ เนื่องจากระบบยังมีความอ่อนแอและมีหลายจุดที่ต้องแก้ไข
ดัชนีชี้วัดระบบบำนาญคำนวณจากอะไร?
ดัชนีชี้วัดระบบบำนาญนี้ ได้คำนวณมาจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของตัวชี้วัดหลักๆ 3 หัวข้อ คือ
1) ความเพียงพอของบำนาญ (40%) ดูว่าผู้รับบำบาญจะได้ผลตอบแทนในอนาคตในรูปแบบไหน
2) ความยั่งยืนของระบบบำนาญ (35%) ดูว่าระบบที่มีอยู่ตอนนี้จะสามารถดำเนินต่อไปได้หรือไม่ หากมีความท้าทายด้านประชากรและด้านการเงิน
3) ความครบถ้วนของระบบบำนาญ (25%) ดูว่าแผนการบำนาญของเอกชนมีการเข้าไปดูแลในลักษณะที่ช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นต่อระบบในระยะยาวหรือไม่
ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดหลักก็จะถูกแบ่งย่อยลงไปอีกรวมแล้วมีกว่า 50 ตัวชี้วัด เพื่อมาใช้เป็นมาตรวัดระบบบำนาญของแต่ละประเทศ
สำหรับปี 2022 ได้มีการคำนวณระบบบำนาญของประเทศทั้งหมด 44 ประเทศ คิดเป็น 65% ของประชากรโลก ผลลัพธ์จากการคำนวณจึงอยู่ระหว่างค่า 0 (แย่ที่สุด) ถึง 100 (ดีที่สุด)
ซึ่งประเทศไอซ์แลนด์ ที่ถูกจัดเป็นประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในปีนี้ ได้ 84.7 คะแนน ในขณะที่ประเทศไทยที่อยู่ในอันดับสุดท้าย ได้ไป 41.7 คะแนน
อันดับ 1 ไอซ์แลนด์, 84.7 คะแนน
อันดับ 2 เนเธอร์แลนด์, 84.6 คะแนน
อันดับ 3 เดนมาร์ก, 82 คะแนน
อันดับ 4 อิสราเอล, 79.8 คะแนน
อันดับ 5 ฟินแลนด์, 77.2 คะแนน
อันดับ 6 ออสเตรเลีย, 76.8 คะแนน
อันดับ 7 นอร์เวย์, 75.3 คะแนน
อันดับ 8 สวีเดน, 74.6 คะแนน
อันดับ 9 สิงคโปร์, 74.1 คะแนน
อันดับ 10 สหราชอาณาจักร, 73.7 คะแนน
Bnomics จะพาไปดูว่า 5 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในโลกในปีนี้ มีจุดแข็งอย่างไรบ้าง เผื่อว่าไทยจะสามารถนำมาเป็นแบบอย่างเพื่อปรับปรุงระบบบำนาญให้ดีขึ้นได้ในปีต่อๆ ไป
1) ไอซ์แลนด์, 84.7 คะแนน
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีระบบบำนาญขั้นพื้นฐานของรัฐ และบำนาญอื่นๆ เสริม เช่น โครงการบำเหน็จบำนาญภาคบังคับซึ่งมาจากเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้าง, และนอกจากนี้ยังมีโครงการบำนาญส่วนบุคคลตามความสมัครใจ
- คะแนนของไอซ์แลนด์ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากการลดลงของสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP
- เพิ่มการจัดการที่เข้ามาช่วยปกป้องผลประโยชน์บำนาญในคู่ที่หย่าร้าง
- การลดลงของหนี้สาธารณะต่อ GDP
ระบบบำนาญของเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วยบำนาญแบบคงที่จากรัฐ และโครงการบำนาญกึ่งภาคบังคับตามเงินเดือนของแต่ละอาชีพตามที่ตกลงกันในแต่ละอุตสาหกรรม
- คะแนนของเนเธอร์แลนด์ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากการลดลงของระดับหนี้ครัวเรือน
- การเพิ่มขึ้นของแรงงานที่มีอายุมาก
- มีการให้เครดิตบำนาญเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่เลี้ยงลูกเล็ก
ระบบบำนาญของเดนมาร์ก มีทั้งบำนาญของภาครัฐที่จะจ่ายบำนาญขั้นพื้นฐาน และระบบบำนาญแบบสมทบเงินตามลำดับขั้นซึ่งจะจ่ายบำนาญตลอดชีวิต, และยังมีโครงการบำนาญแบบสมทบเงินภาคบังคับของแต่ละอาชีพ
- คะแนนของเดนมาร์กที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินออมครัวเรือน และการลดลงของหนี้ครัวเรือน
- เพิ่มการจัดการที่เข้ามาช่วยปกป้องผลประโยชน์บำนาญในคู่ที่หย่าร้าง
- เพิ่มข้อกำหนดให้ทุกแผนบำนาญต้องจัดทำรายงานประจำปีให้แก่สมาชิกกองทุนบำนาญทุกคน
- เพิ่มข้อกำหนดให้แสดงประมาณการผลประโยชน์รายปีให้แก่สมาชิกกองทุนบำนาญทุกคน
ระบบบำนาญของอิสราเอล ประกอบด้วยบำนาญแบบทั่วถึง และบำนาญเพิ่มเติมตามระดับรายได้, ตลอดจนบำนาญจากภาคเอกชนที่บังคับให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายเงินสมทบเข้าไปในกองทุน โดยเป็นข้อบังคับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ว่าจะต้องจ่ายตามอัตราขั้นต่ำทุกปี
- คะแนนของอิสราเอลที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของระดับสินทรัพย์ที่กองทุนถือไว้เพื่อใช้จัดหาเงินบำนาญ
- การลดลงของหนี้สาธารณะต่อ GDP
- ปรับปรุงมาตรการเพื่อปกป้องสมาชิกกองทุนบำนาญเอกชนในกรณีที่มีการบริหารผิดพลาดหรือถูกฉ้อโกง
- มีการให้เครดิตบำนาญเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่เลี้ยงลูกเล็ก
ระบบบำนาญของฟินแลนด์ ประกอบด้วยบำนาญพื้นฐานของรัฐตามระดับรายได้ และโครงการบำนาญต่างๆ ที่ขึ้นกับรายได้
- คะแนนของฟินแลนด์ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของระดับเงินบำนาญขั้นต่ำที่จ่ายให้แก่ผู้สูงอายุที่ยากจนที่สุด
- การเพิ่มขึ้นของเงินออมครัวเรือน และการลดลงของระดับหนี้ครัวเรือน
- มีการวางแผนเพิ่มระดับการส่งเงินสมทบภาคบังคับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
- เพิ่มการจัดการที่เข้ามาช่วยปกป้องผลประโยชน์บำนาญในคู่ที่หย่าร้าง
โดยทั่วไปแล้วประเทศไทยมีระบบบำนาญชราภาพ, กองทุนประกันสังคมสำหรับพนักงานเอกชนที่ทำงานในระบบ, และการสมทบเงินเข้ากองทุนโดยสมัครใจโดยมีนายจ้างช่วยจ่ายสมทบให้ ตลอดจนผลิตภัณฑ์การออมต่างๆ ก็จริง
อย่างไรก็ตาม เงินบำนาญขั้นต่ำของไทยในปัจจุบันที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้รับ จะอยู่ที่เดือนละ 600 บาท ถือว่าอยู่ในระดับที่น้อยมาก คือน้อยกว่า 5% ของค่าจ้างโดยเฉลี่ย และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถยังชีพได้ด้วยเงินก้อนนี้เพียงอย่างเดียว ในขณะที่เงินบำนาญของประเทศบราซิล, เดนมาร์ก, และนิวซีแลนด์ จะอยู่ที่ 35% ของค่าจ้างโดยเฉลี่ย
ในขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาสินทรัพย์ในกองทุนบำนาญ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีถึงความสามารถของระบบในการจ่ายเงินบำนาญในอนาคต
พบว่าของไทยอยู่ที่ระดับน้อยกว่า 10% ของ GDP ในขณะที่ไอซ์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก อยู่ที่ 175% ของ GDP นั่นแปลว่าสินทรัพย์ของกองทุน อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับการจ่ายบำนาญในอนาคตอย่างยั่งยืน
อีกทั้งอัตราการเจริญพันธุ์ของไทยยังอยู่ที่เพียง 1.5 จึงถือเป็นข้อกังวลใจที่สำคัญในเรื่องโครงสร้างอายุประชากร และจะกลายเป็นปัญหาที่กระทบต่อโครงสร้างระบบบำนาญในอนาคต
แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากได้บำนาญที่สามารถยังชีพได้จริงอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในขณะที่เงินที่ส่งสมทบเข้ากองทุนก็อาจจะน้อยลงเรื่อยๆ ตามโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป
ทาง Mercer CFA Institute เองได้แนะนำทางแก้ปัญหาว่าควรจะมีการสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินออมของผู้สูงอายุ และอาจจะต้องมีมาตรการสนับสนุนในภาพกว้างด้านอื่น
ดังนั้นหากยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ระบบบำนาญของไทยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเปราะบาง ก่อให้เกิดคำถามสำคัญในด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน ว่าในอนาคตที่ไทยเต็มไปด้วยคนสูงวัย ระบบบำนาญที่มีจะสามารถจ่ายเบี้ยให้ผู้สูงอายุได้มากพอ และยั่งยืนได้จริงหรือไม่?
.....
เรื่องเกี่ยวข้อง
รู้หรือไม่ ? #ระบบบำนาญ ของไทย ห่วยที่สุดในโลก
— Money Buffalo (@MoneyBuffaloTH) November 4, 2022
คำพูดนี้พี่ทุยไม่ได้พูดมั่วขึ้นมาลอย ๆ แต่มันมาจากการจัดอันดับสวัสดิการของทั้งโลก
Thread นี้มาสรุปให้ฟัง ว่าทำไมถึงห่วยขนาดนั้น#MoneyBuffalo #ลงทุน #การเงิน pic.twitter.com/5fSdavZ1qx