วันเสาร์, เมษายน 02, 2565

บัตรเลือกตั้ง ‘สองใบแยกเบอร์’ กรรมาธิการข้างมาก “ออกแบบให้ ‘พวกเขา’ เสียเปรียบ”

ผ่านกรรมาธิการไปแล้ว ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เกิดการพลิกล็อคชนิดที่พรรคร่วมรัฐบาลขนาดใหญ่อย่าง พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย พร้อมใจสละโอกาสหาเสียงง่าย จัดการเลือกตั้งสะดวก ไปสู่การสกัดกั้นฝ่ายตรงข้าม

ในการเล่นไพ่ชนิดที่ต้องใช้ความคิด วางแผน และล่อหลอก เช่นโป๊กเกอร์ บริดจ์ และรัมมี่ การ กันหรือสกัดไม่ให้ผู้เล่นอื่นๆ ทำแต้มได้ เป็นหนทางให้ตนเองชนะในที่สุด ผลการลงมติต่อร่าง กม.เลือกตั้ง อย่างท่วมท้น ๓๒ ต่อ ๑๔ บ่งบอกอย่างนั้น

ก่อนการประชุมลงมติ “หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าผลจะออกมาเป็น บัตร ๒ ใบ เบอร์เดียวกัน เพราะแกนนำหลายพรรคการเมืองออกมาสนับสนุน แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีคนของพรรคเป็นประธาน กมธ.เอง” บทวิจารณ์ของ www.nationtv ระบุ

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ แห่งสถาบันพระปกเกล้าฯ บอกว่า “พรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลเจอผลกระทบอยู่บ้าง” ทั้ง พปชร. ภท. และ ปชป. โดยเฉพาะ ปชป. “คนละเบอร์ก็ยังพอไปได้ แต่อาจต้องทำงานมากขึ้น” ถึงอย่างนั้นเล่นเตะตัดขาพวกคู่แข่งไว้ก่อนดีกว่า

ข้ออ้างแบบนอกหน้าเจาะจงที่รัฐธรรมนูญมาตรา ๙๐ กำหนดให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเสียก่อน แล้วจึงมีสิทธิส่งสมัครแบบบัญชีรายชื่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เบอร์เดียวกัน แต่เบื้องลึกนั่นเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียง แลนด์สไล้ด์ ดังโฆษณากัน

เมื่อครั้งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งนั้นใช้เวลาหาเสียงเพียง ๔๙ วัน คราวนี้ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ดูท่าจะมาแรงเนื่องจากประโคมกันมโหฬาร ทั้งที่ยังไม่มีการประกาศตัวเป็นทางการ เจ้าตัวเองก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ บอกขอผลักรัฐบาลนี้ออกไปก่อน

สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ให้ความเห็นถึงข้ออ้างของฝ่ายไม่เอา บัตรใบเดียวว่าจะทำให้เกิดการซื้อเสียงง่าย นัยว่าถ้าแยกเบอร์ระหว่างผู้สมัครแบ่งเขตกับบัญชีรายชื่อแล้ว “จะได้ซื้อยากอีกนิด” กับอีกเหตุว่า ถ้า “กาง่าย ไม่ค่อยได้คิด” จึงอยากให้ “คิดไตร่ตรองเยอะๆ จำเบอร์มาแม่นๆ”

เขาปรามาสว่า “อย่าหวัง การเมืองไทยจะพูดคุยด้วยเหตุผล เพราะทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ทั้งสิ้น” และ “ประเทศไทยไม่มีเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ไม่ได้มีเหตุผลจากประโยชน์ประชาชน แต่เป็นเหตุผลที่มาจากฝ่ายการเมืองเป็นหลัก” มาตรา ๙๐ จึงเป็นชนักปักอกอยู่

พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อจ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ อธิบายถึงมาตรา ๙๐ ที่เสียงข้างมาก กมธ.อ้าง ว่า “เป็นผลพวงจากการที่ไปออกแบบระบบรัฐธรรมนูญการจัดสรรปันส่วน ผสมในการเลือกตั้งแบบเดิม จึงต้องเขียนมาตรา ๙๐ ขึ้นมา”

แต่เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอา บัตรเลือกตั้งสองใบเข้ามาใช้ แต่ยังไม่แก้ไขมาตรา ๙๐ ให้สอดคล้องไปด้วย “จึงเป็นการผิดฝาผิดตัว ย้อนแย้งในตัวเอง” เพราะในการเลือกตั้งแบบเดิม “มันมีการผูกโยงระหว่างการคำนวณการลงคะแนนแบบแบ่งเขต”

คือเอาคะแนนแบ่งเขตตรงนั้นมาเป็นฐานคิดสำหรับการกำหนดบัญชีรายชื่อ ซึ่งมันต้องเปลี่ยนไปแล้วสำหรับรัฐธรรมนูญที่ได้แก้ไขใหม่ “การคิดคะแนน ส.ส.แบ่งเขต กับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มัน Parallel มันแยกขาดออกจากกัน” เอามาอ้างทำเบอร์เลือกตั้งให้สับสน

ในประเด็นที่ว่าแยกเบอร์แล้วทำให้การซื้อเสียงยากขึ้น พรสันต์ชี้ว่า “เหตุผลนี้ไม่มีน้ำหนักทางรัฐธรรมนูญ” เพราะ “ไปทำลายโครงสร้างของระบบการเลือกตั้งทั้งหมด แบบใหม่ที่แก้ไขไป...แล้วการแก้ปัญหาซื้อเสียงเป็นระบบการบริหารจัดการ มีองค์กรอิสระ เราจะมี กกต.ไว้ทำไม”

ถ้างั้น บัตรสองใบคนละเบอร์ได้ประโยชน์อะไร ตอบได้ว่าประโยชน์อยู่ที่ทำให้ฝ่ายค้านเดี๋ยวนี้ไม่ได้ประโยชน์จากการแยกบัตรสองใบ ต้องย้อนไปที่ สติธร สถาบันปกเกล้าฯ ว่าไว้ “พรรคที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือก้าวไกล 

เพราะกระแสพรรคเด่น แต่ตัวบุคคลในแบบแบ่งเขตยังเป็นรอง เนื่องจากเป็นผู้สมัครหน้าใหม่” ในพื้นที่แข็งสู้พรรคการเมืองเก่าๆ ไม่ได้ “สะท้อนได้ชัดสมัยตอนพรรคอนาคตใหม่ที่ได้คะแนนมาจากกระแสพรรคล้วนๆ” นอกนั้นยังมีผลพลอยได้

อีกมุม เป็นอานิสงส์ให้เพื่อไทยแข่งกับก้าวไกลได้ง่ายขึ้น สามารถชิงคะแนนกลับมาได้ง่าย” อ้า อย่างนี้นี่เอง ผลงานกรรมาธิการ กม.เลือกตั้ง ๓๒ คน นี่อาจไม่เด่นชัดนักว่าออกแบบให้ พวกเรา ได้เปรียบ แต่แน่ๆ ทำให้ พวกเขา เสียเปรียบ

(https://www.nationtv.tv/news/378868599dwX8, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/3005550156404523 และ https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1882151635487439)