พรุ่งนี้ พุธที่ ๑๖ มีนา เวลาบ่ายสี่โมง (ตามเวลากรุงเฮก) ประธานศาลอาญาระหว่างประเทศจะขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งในคดีที่ยูเครนยื่นฟ้องรัสเซีย (เมื่อ ๒๗ กุมภา) ใช้กำลังทหารบุกเข้าไปในเขตแดนยูเครน และกระทำการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ต่อชนชาวยูเครน
ในคำร้องของยูเครนซึ่งแถลงต่อศาลเมื่อวันที่ ๗ มีนา ตัวแทนยูเครนขอให้ศาลสั่งดังนี้
เอ. รัสเซียต้องยับยั้งการบุกรุกทางทหารต่อยูเครน ‘ทันที’ ซึ่งการนี้รัสเซียอ้างว่าการบุกรุกเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ นั้นเพื่อลงโทษและป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดินแดนลูฮันค์และดอนเน็ตค์ของยูเครน
(อนึ่ง ในคำฟ้องของยูเครน นอกจากปฏิเสธข้ออ้างของรัสเซียเรื่องเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา ในดินแดนที่รัสเซียประกาศให้เป็นอิสรภาพทั้งสอง ยูเครนชี้ว่ารัสเซียนั่นเองที่เข่นฆ่าชนเชื้อชาติยูเครน และทำให้บาดเจ็บระนาว)
บี. รัสเซียต้องทำให้เกิดความมั่นใจในทันทีได้ว่า จะไม่มีปฏิบัติการทางทหารใดๆ โดยกองทัพรัสเซียหรือกองกำลังอื่นใดที่รัสเซียกำกับบงการ ต่อไปอีกในยูเครน
ซี. รัสเซียต้องไม่กระทำการใดๆ หรือให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีการขยายวงข้อพิพาท ในลักษณะที่อยู่ในขอบข่ายของมาตรา ๖๐ ย่อหน้า ๒ โดยกฏแห่งศาลนี้เกิดขึ้น จนเป็นผลให้การแก้ไขปัญหาทำได้ยาก
ดี. รัสเซียจักต้องรายงานต่อศาลหลังจากมีคำสั่งออกมาแล้วภายใน ๑ อาทิตย์ ว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างไรบ้าง และทำรายงานเสนอต่อศาลเป็นประจำหลังจากนั้น ตามระยะที่ศาลกำหนด
การไต่สวนคดีนี้มื่อวันที่ ๗ มีนานั้น ศาลได้ส่งจดหมายออกไปเมื่อวันที่ ๕ ขอให้รัสเซียเตรียมการเข้าร่วม แต่ฝ่ายรัสเซียแจ้งกลับว่าจะไม่เข้าร่วมการไต่สวนนี้ด้วย ศาลฟังถ้อยแถลงของฝ่ายยูเครนเสร็จแล้ว ผู้พิพากษาทั้ง ๑๕ คนจึงเริ่มทำการวินิจฉัย
จนกระทั่งวันนี้ได้มีแถลงการณ์ออกมาว่า ผู้พิพากษา โจน อี โดโนก์ฮิว ประธานฯ จะขึ้นอ่านคำสั่งในวันพรุ่งนี้ดังกล่าว การรุกรานยูเครนที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘สงครามของปูติน’ เผชิญกับการต่อต้านโดยชาวยูเครนอย่างอาจหาญ
กองทัพรัสเซียพบกับความเสียหายมากมายอย่างไม่คาดคิด รัสเซียของประธานาธิบดี วราดิเมียร์ ปูติน ถูกต่อต้านจากเกือบทั่วโลก พร้อมด้วยมาตรการแซงชั่นปิดกั้นทางเศรษฐกิจการคลัง และทางสังคมอย่างกว้างขวาง จนมีเสียงพูดว่า ‘ปูตินแพ้แล้ว’
เพราะแม้แต่ในประเทศก็ยังมีชาวรัสเซียออกมาประท้วง ทั้งโดยรวมหมู่และส่วนตัวกันไม่ขาดสาย ล่าสุดที่น่าทึ่งด้วยการที่บรรณาธิการข่าวทีวี ‘แชนนัล วัน’ ของรัสเซียบุกเข้าไปยกป้ายประท้วงกลางรายการ ขณะผู้ประกาศข่าวของรัฐบาลกำลังเสนอรายงาน
ป้ายประท้วงมีข้อความว่า “หยุดสงคราม อย่าเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ พวกนี้โกหกทั้งเพ” มารีน่า ออฟเซียนิโคว่า ผู้ยกป้ายตะโกนไปด้วยว่า “หยุดสงคราม ไม่เอาสงคราม” ก่อนที่เธอจะถูกนำตัวไปโรงพัก และตั้งข้อหา “ดิสเครดิตกองทัพรัสเซีย”
มารีน่ายังได้บันทึกคลิปวิดีโออีกชิ้นหนึ่งเอาไว้ล่วงหน้า กล่าวว่าสงครามนี้ปูตินเป็นผู้ก่อ “สิ่งที่เกิดในยูเครนเป็นอาชญากรรม รัสเซียเป็นผู้รุกราน วราดิเมียร์ ปูติน คือผู้รับผิดชอบ พ่อฉันเป็นคนยูเครน แม่ฉันเป็นรัสเซียน ทั้งคู่ไม่เคยเป็นศัตรูต่อกัน
โชคร้าย สองสามปีที่ผ่านมาฉันทำงานให้แชนนัลวัน ฉันทำการโฆษณาชวนเชื่อให้แก่สำนักเครมลิน มันน่าละอายใจอย่างยิ่งที่ฉันยอมให้ผู้คนโกหกออกมาจากจอทีวี ฉันปล่อยให้ประชาชนรัสเซียกลายเป็นซอมบี้ เราไม่พูดอะไรเมื่อมันเริ่มต้นในปี ๒๐๑๔
เราไม่ได้ประท้วงเมื่อเครมลินวางยา ‘นาวัลนี่’ (ผู้นำฝ่ายค้าน) เราได้แต่นิ่งเงียบดูพฤติกรรมของ ‘อมนุษย์ผู้ครองอำนาจ’ แล้วเดี๋ยวนี้ทั้งโลกหันหลังให้กับเรา ต่อให้อีกสิบชั่วอายุคนของลูกหลานเรา ก็ไม่สามารถชะล้างคราบสงครามเข่นฆ่าคนในสังคมเดียวกันนี้ได้”
(https://twitter.com/maxseddon/status/1503445657805373446 และ https://www.icj-cij.org/public/files/case-related/182/182-20220314-PRE-01-00-EN.pdf)