วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 16, 2564

จม.จากเบนจา ตอนเขียนมีทั้งความหวังและความเศร้า "ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราก็ต้องมีหวังว่าอนาคตที่สดใสจะเกิดขึ้นได้สักวันหนึ่ง"


ภาพจาก UDD

Benja Apan
16h ·

(ตอนเขียนมีทั้งความหวังและความเศร้า)
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเท่าที่จำความได้ ไม่ว่าบนท้องถนน หรือตามตรอกซอกซอย หรือในชุมชน สิ่งที่หนูพบเห็นอย่างไม่ขาดสายคือความเหลื่อมล้ำ และความลำบากและความทุกข์ยากในสังคม หนูเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันต้องมาขายพวงมาลัยตามสี่แยกในขณะหนูนั่งรถไปโรงเรียนตอนเช้า หนูเห็นคนเฒ่าคนแก่ต้องหาบแผงฟืนมาขายในเมืองตรงหัวมุมตึกเพียงลำพัง ขายเพื่อประทังชีวิตรายวัน หนูคิดเพียงอย่างเดียวว่าหนูอยากทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น
.
ตอนนั้นหนูคิดสารพัดสิ่งด้วยความเป็นเด็ก อยากเปิดโรงเรียนให้เด็กเรียนฟรี อยากสร้างบ้านพักให้คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย จนวันหนึ่งหนูบอกผู้ใหญ่ว่า “หนูอยากเป็นนายก” เพราะหนูอยากแก้ไขปัญหาสังคมให้มันดีขึ้นเท่านั้นแหละ แต่ความคิดนั้นก็ดับสลายเพราะผู้ใหญ่บอกกับหนูว่าการเป็นนายก ต้องร่ำรวย ต้องมีชื่อเสียง ต้องมีชาติตระกูลดี ซึ่งหนูไม่มีสักอย่าง ฮ่า ๆ
.
ความฝันในการเป็นนายกของหนูถูกพับเก็บลงไปอย่างสิ้นเชิง จนหนูโตขึ้นมาอีกหน่อย หนูสนใจในวิทยาศาสตร์มากขึ้น และพบว่าตัวเองชอบการคำนวณ ชอบท้องฟ้า ชอบดวงดาวและหลงใหลในจักรวาลนี้ หนูเลยมีความคิดที่อยากออกไปนอกโลก อยากเป็นนักบินอวกาศ แต่เอาเข้าจริงการที่คนไทย สัญชาติไทยแท้จะเป็นนักบินอวกาศมันดูเอื้อมไม่ถึงในสภาพสังคมแบบนี้ เนื่องจากปัจจัยทางสัญชาติเอง การเมือง การทหาร การศึกษา ในด้านโอกาสของประเทศไทยนั้นยังเป็นอุปสรรคในการออกไปสำรวจอวกาศอยู่มาก หนูเลยจัดระเบียบความคิดใหม่ ในเมื่อหนูยังไม่สามารถเป็นนักบินอวกาศได้ในชีวิตนี้ หนูขอเป็นส่วนในการส่งคนออกไปนอกโลกก็แล้วกัน นั่นเลยทำให้หนูอยากเป็นวิศวกรอวกาศ เพราะอยากทำงานในองค์กรอวกาศ เป็นส่วนหนึ่งในการสำรวจอวกาศ ต่อให้สองเท้าของหนูจะยังเหยียบอยู่บนผืนดินก็เถอะ
.
เมื่อภารกิจในการทำงานด้านอวกาศของหนูบรรลุ เมื่อตัวหนูเองมีความรู้และประสบการณ์มากพอ หนูอยากกลับมาพัฒนาในส่วนนี้ที่ประเทศไทย อยากกลับมาแผ้วถางเส้นทางอวกาศให้คนไทย เพื่อคนรุ่นหลังจะมีความหวังในการไปสำรวจอวกาศมากกว่าที่หนูประสบพบเจอ หนูเชื่อว่าคนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดหรอก อยากให้คนไทยสามารถทำตามฝันของตนเองไม่อยากให้พวกเขาต้องถูกทำลายความฝันเพียงเพราะสังคมนี้ไม่พื้นที่โอกาสให้เขาเลย
.
ในขณะที่หนูกำลังเขียนอยู่ขณะนี้หนูอยู่ในกรงขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางแห่งประเทศไทย กรงขังทำให้หนูไกลห่างความฝันออกไปมากยิ่งขึ้น หนูไม่เคยคิดหรอกว่าการที่อยากเห็นสังคมไทยพัฒนา อยากเห็นคนไทยใช้ศักยภาพตนเองเต็มที่ อยากเห็นความเท่าเทียมในสังคม จะทำให้หนูตกอยู่ในสถานะผู้ต้องขังแบบนี้ แต่เอาเถอะหนูก็ไม่รู้จะต้องอยู่ในสถานะนี้อีกนานเท่าไหร่ จะอีกกี่เดือน กี่ปีหรืออีกสิบปีหนูก็ไม่อาจทราบได้ แต่ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราก็ต้องมีหวังว่าอนาคตที่สดใสจะเกิดขึ้นได้สักวันหนึ่ง
.
จนกว่าเราจะพบกันอีก
เบนจา อะปัญ
นับถอยหลังสู่ปีใหม่
ทัณฑสถานหญิงกลาง
9 ธันวาคม 2564