ว่าแล้วไง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องตีความตามเจตนารมณ์ของผู้ออกแบบเท่านั้น ในเมื่อมันถูกสร้างขึ้นมาให้ ‘ตู่อยู่ยาว’ การตีความจึงบิดพริ้วไปตามธง ฝ่ายกฎหมายรัฐสภาจึงบอกว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ได้ถึงปี ๒๕๗๐ จึงจะครบ ๘ ปีตาม ม.๒๕๘
ส่วนที่ใครต่อใครเข้าใจว่ามาตรา ๒๖๔ ให้ “ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้นั้น” นั่น “เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทน...เพียงช่วงเวลาหนึ่ง” เท่านั้น จะให้ตรงธงต้องตีความใหม่
ใช้ รธน.มาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ ให้เริ่มนับวันเริ่มต้นปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของประยุทธ์ ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันที่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ตามหลักหย่าย ‘ราชาอธิปไตย’ เท่านั้น จะขืนนับเวลาจริงที่ประยุทธ์เริ่มเป็นนายกฯ เมื่อ ๖ เมษายน ๖๒ ไม่ได้
“หากรัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้นับระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ จะต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน” นี่ละข้ออ้างอย่าง ‘แม่งูเอ๋ย’ กินน้ำอะไรไม่แคร์ ‘แถไปก็แถมา’ เพื่อให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อีกสมัย
หากมีการเลือกตั้งตามกำหนดรัฐธรรมนูญกลางปีหน้า ประยุทธ์ก็จะได้เป็นนายกฯ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของ สว. ตู่ตั้ง ๒๕๐ คน บวกกับสูตรสังวาสกับพรรคการเมืองลิ่วล้อ ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ อีกจนได้ พรรคเพื่อไทยจึงได้เรียกร้องนักหนาให้ก้าวไกลอยู่ในโอวาท
แต่ดูท่า ‘แลนด์สไล้ด์’ คงเป็นไปไม่ได้เมื่อ ‘ติ่ง’ เพื่อไทยสาย ‘รีพับลิค’ กับเด็กแว้นก้าวไกลฟัดกันนัว เปิดช่องให้ ‘ไอโอ’ สุมไฟความแตกร้าว ระหว่างพวกไม่เอารัฐประหารแต่เอาเจ้า กับพวกไม่ใช่รีพับลิคแต่ไม่เอาเจ้า (ถ้าเหนือรัฐธรรมนูญ)
คนสำคัญของการสืบทอดอำนาจ คสช. ที่ชอบบอก ‘ไม่รู้ๆ’ ตอนนี้รู้บ้างนิดๆ เมื่อเจอคำถามว่า “พร้อมจะอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่” ถึงปี ๗๐ น่ะ เฮียป้อมตอบว่า “ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั่วไป ก็แล้วแต่ว่าร่างกายผมจะไหวหรือไม่”
แต่ใจกับขุนพลข้างกายน่ะไปอยู่แล้ว ธรรมนัส พรหมเผ่า ยืนยัน ‘หัวหน้าป้อม’ เป็นจุดแข็งของ พปชร. Deep Blue Sea@WassanaNanuam เก็บเอามาแพลม “ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ ชมรู้จักใช้คนทำงาน เทียบส่งตนเอง-นฤมล ไปตีเมืองขึ้น
ออกตัวไม่ใช่ทศกัณฐ์ คนเดียวดูแลทั่วประเทศ. แบ่งงานบนดิน-ใต้ดิน ชี้ที่ลุงตอบไม่รู้ๆ จริงๆ รู้หมด” ลงเอยอย่างที่เจ้าตัวว่า ถ้าไม่สะดุดขั้นบันไดทำเนียบหัวคะมำเสียก่อน ปีหน้าเกมการเมืองยุค ‘วิชามาร’ จะเข้มข้นกว่าสมัย ‘อันธพาลครองเมือง’
ทว่าบนท้องถนนจะมีทักษะ ‘จัดการ’ กับ ‘ไฟแรง’ ของคนรุ่นใหม่ได้แค่ไหน เสียงที่บอก “ความขัดแย้งควรจัดการในสภา มีพื้นที่ให้ถกเถียง และหาทางออกอย่างสันติ ก่อนบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ” ดังขึ้น ดังขึ้น สะท้อนได้จากทวี้ตของ Tha iLaw (ถา ไอลอว์) @tha_ilaw
ที่ว่า “กลุ่ม ‘รอยัลลิสต์ที่มีสติ’ ต้องเลิกซ่อนตัวอยู่หลัง ‘รอยัลลิสต์สุดโต่ง’ ได้แล้ว เพราะมันจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองแย่ลง คุณต้องส่งเสียง” แต่ดูเหมือนว่าเหตุเกิดที่วงเวียนใหญ่เมื่อวาน ไม่ใช่จากรอยัลลิสต์หรือสลิ่ม แต่เป็น ‘จัดตั้ง’ ของกรมกอง
เด็กนักกิจกรรมต้านเผด็จการสี่ห้าคนไปยืนชูสามนิ้วและกระดาษข้อความ ‘ยกเลิก ๑๑๒’ แต่กลับถูกกลุ่มเสื้อเหลือง-หมวกฟ้า เกือบสิบรุม น้องผู้หญิงคนหนึ่งปากแตก น้องผู้ชาย ‘สายน้ำ’ นภสินธุ์อายุ ๑๗ ปี ที่เคยแต่งคร็อปท้อป เขียนบนหลังว่า “พ่อกูชื่อมานะ
...โดนลากไปกับพื้นด้วยการหิ้วปีกและเอามืออุดปาก จากกลุ่มคนคลั่งสถาบันที่มีอาวุธติดตัวอย่างโจ่งแจ้ง(ดิ้วที่เอว) และตำรวจไม่จับ” ขณะน้องผู้หญิงสองคน “โดนเจ้าหน้าที่รุมจับ คนหนึ่งถูกปิดปาก คอนแทคเลนส์แตก อีกคนรู้ตัวอีกทีคือเสื้อเปิดไปถึงที่คอ ส้นตีนฉิบหาย”
ทุกคนถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ สน.บุปผาราม แต่ “ไม่มีการตั้งข้อหากับกลุ่มบุคคลสวมเสื้อเหลืองในเหตุการณ์ชูป้าย #ยกเลิก112 แล้วถูกรุมทำร้าย” Amarat Chokepamitkul ส.ส.ก้าวไกลเกาะติดสถานการณ์ พร้อมย้ำ “จะติดตามต่อไป”
...หากจำเป็นดิฉันจะเสนอให้เชิญผู้กำกับ สน.บุปผารามมาชี้แจงต่อ กมธ.พัฒนาการเมิองฯ” ซึ่งก็คงไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดได้เช่นเคย แต่จะทำให้คนทั่วไปทราบว่าเจ้าหน้าที่รัฐยุคตู่ ทำอัปปรีย์กับประชาชนไว้อย่างไร
และนี่จะพอกพูนความอัดอั้นเอาไว้ ไประเบิดแล้วระเบิดอีกตลอดปีหน้า
(https://twitter.com/ATIKIT14/status/1475866745546051585, https://www.facebook.com/.../pcb.../3134177193524397 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6806180)