มีข้อน่าสังเกตุว่าพวกให้ท้ายและยกหางนักยึดอำนาจหันมาแอบอ้างประชาธิปไตยกันหน้าตาย ขณะพรรคใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากระบบเลือกตั้งขวดใหม่ ต่างหนุนผู้สมัครอิสระในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ที่ตามครรลองต้องทำหลังจากคนปัจจุบันสิ้นสุดในเดือนเมษา ๖๕
ดังนั้นการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครจึงสำคัญ เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลแช้มป์เก่า กทม. กระเหี้ยนกระหือรือนักหนาจะกลับมากุมให้ได้ ทุ่มโฆษณาถี่ยิบเปิดตัวผู้สมัครจนคนกรุงคุ้นหน้าเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนลงคะแนนให้มากพอ
ดูจากการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่แล้วเสียงในกรุงเทพฯ ของแช้มป์ กทม.ถูกแย่งไปเยอะจากพรรคใหม่ซึ่งแสดงตนอย่างกลมกลืนกับ ‘คนรุ่นใหม่’ นี่เองทำให้การเรียกร้องจากพรรคพี่ใหญ่ในฝ่ายไม่เอารัฐประหารขอให้บาย กลาย ‘เป็นหมัน’
พรรคก้าวไกล อันเป็นประหนึ่งนกฟีนิกซ์ของพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า “จำเป็นต้องส่งตัวแทนลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม...เพราะผู้สมัครทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นตัวแทนของความฝันและอุดมการณ์ของเราได้อย่างสนิทใจ”
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลย้ำว่าพวกตน “พร้อมชนกับทุกปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่โอนอ่อนให้กับเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา” เพจ Ringsideการเมือง อ้างข้อวิเคราะห์เรื่องฐานเสียง
ซึ่งไม่บังเอิญ “อาจเป็นกลุ่มเดียวกับผู้สนับสนุนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ” อันเป็นที่รู้กันอยู่ว่าพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนสมาชิกเก่าคนนี้ ที่มีฐานเสียงข้ามรั้วเพื่อไทยไปอยู่ในหมู่กลุ่ม ‘มดงาน’ ที่แตกหน่อออกมาจาก ปชป.ในอดีต
จึงได้เห็น ชัชชาติ ประกาศเปิดตัว พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่า กทม.มาเป็นผู้ร่วมงานสำคัญ กระนั้นไม่วายมีเสียงวิพากษ์พรรคก้าวไกลว่า ส่งผู้สมัครของตนลงแข่งจะทำให้ ‘ตัดคะแนน’ กันเองในฝ่ายประชาธิปไตย แม้นว่าอีกฝ่ายก็ชูประชาธิปไตยเช่นกัน
ARM SAMYAN@armupdate ตั้งข้อสังเกตุไว้เมื่อสองสามวันก่อนว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้...เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งก่อน เพื่อไทยส่ง พงศพัศ พงศ์เจริญ/ปชป.ส่งหม่อมสุขุมพันธ์ ที่กระแสไม่ค่อยดีเท่าไหร่” โพลทุกสำนักตอนนั้นให้พงศพัศชนะใส
ผลปรากฏว่าโค้งสุดท้ายหม่อมสุขุมพันธ์พลิกเกมคว้าเอาตำแหน่งผู้ว่าฯ ไปครองเฉยเลย อาจเป็นได้ว่าเพราะตอนนั้นกระแส กปปส.ต้าน ทักษิณ ชินวัตร และเพื่อไทยแรง ถึงจะยังไม่แก่กล้าพอส่งผู้สมัครของตนเอง แต่ก็ทำให้ดึง ปชป.เข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์กับตนได้
มาครั้งนี้ กปปส.พร้อมแล้วที่จะส่ง สกลธี ภัททิยกุล ลงแข่งอิสระ โดยเจ้าตัวลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้วเรียบร้อย ทั้งยังบอกว่า “อาจมีพี่ๆ แกนนำ กปปส. มาช่วยในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย” อีกทั้งได้ไปพบประยุทธ์ที่ทำเนียบแล้วเมื่อวันก่อน (๒๒ ธันวา)
ประยุทธ์ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวว่า เขาเข้ามาอวยพรเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ ถือว่าเป็นคนรู้จักที่คุ้นเคยกันก็เท่านั้น...ข้อสำคัญของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมาพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีผลงานปรากฏมา ประชาชนจะได้เชื่อมั่น...มันไม่ง่าย
การทำอะไรจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนบุคคลได้ทุกวันเป็นไปไม่ได้ นี่คือประชาธิปไตย” บอกแล้วไง กระทั่งนักยึดอำนาจเอง เดี๋ยวนี้อ้างประชาธิปไตยเฉยเลย แถมว่า “ทุกอย่างประชาชนเป็นคนเลือก” ฮ้า จริงรึ
อย่างไรก็ดี การเปิดตัวสกลธีนี้ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีสายตู่เป็นสารตั้งต้น “ในส่วนของพลังประชารัฐขณะนี้ยังไม่ส่งผู้สมัครชิงตำแหน่ง...และยังไม่มีมติว่าจะส่งหรือไม่ส่งแต่อย่างใด” แต่ในฟากไม่เอาพวกรัฐประหารนั้น ส่งแน่
ส่วนคำของ ‘ช่อ’ พรรณิการ์ว่า “ถ้าเอากระป๋องกระแป๋งมาวางคู่กับชัชชาติ ก็ต้องเรียกว่าโง่ ต้องเอาของที่ดี ใกล้เคียงกัน มาให้คนเลือก จะดีกว่าหรือไม่คงอยู่ที่แต่ละคนมอง แต่อย่างน้อยต้องใกล้เคียงกัน” แล้วครั้งนี้จะมีคนกรุงฯ ได้ใช้สิทธิเป็นครั้งแรกมากถึง ๗ แสน
“ถ้าไม่ส่งก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็ไม่มีงานทำ” ธนาธรเติมน้ำแจ่ว ซ้ำบอกด้วยว่า ก้าวไกลกับเพื่อไทยไม่ได้เหมือนกันหมด “มีประเด็นปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ที่แตกต่าง” อันเป็นผลให้ “ติ่งส้มกับแดงตีกันทางโซเชียล...จะให้กดปุ่มสั่งไม่ได้”
ช่อเลยอดเติมนิดตอดหน่อยไม่ได้ “รักมากแล้วเป็นปัญหา ไม่ต่างอะไรกับรักสถาบันกษัตริย์”
(https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/3254032271491268, https://www.voicetv.co.th/read/GippNv2TU และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2930165770609629)
