วันพุธ, มิถุนายน 02, 2564

‘เต้’ ไทยศรีวิไลย์ อภิปรายสาดเสียรัฐบาล ‘ตู่’ จะ “ขยับเพดานกู้เงินขึ้นไปอีกจาก ๖๐% เป็น ๘๐%”


ใครนะเขียนสปีชให้ประยุทธ์ น่าจะมีคนเสนอชื่อชิงรางวัล ซีไร้ท์ แขนงนวนิยายประโลมโลก “ผมนั่งรถไปทุกวัน...มองนอกกระจก...ว่าผมจะทำยังไง ให้คนที่ผมเห็น เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยที่ผมไม่ได้หวังผลประโยชน์จากเขาเลย”

ยังกะประวัติชีวิต พ่อพระ จันโอซ่า ขณะที่ในโลกแห่งความเป็นจริง ประยุทธ์คนนี้แหละทำให้ทั้งประเทศใกล้ล่มจม เพราะสถานภาพการเงินของไทยขณะนี้ มีทุนสำรองฯ อยู่ ๘.๖ ล้านล้านบาท แต่หนี้สาธารณะอยู่ที่ ๘.๔ ล้านล้านบาท

ที่ผ่านมาสองปี “รัฐบาลได้ใช้เงินปกติไปจำนวน ๙.๕๘๕ ล้านล้านบาท และใช้เงินกู้ไปจำนวน ๑.๕ ล้านล้านบาท ซึ่งไม่รวม พ.ร.ก. Solf Loan จำนวน ๕ แสนล้านบาท” ไม่รวมหุ้นกู้ ๔ แสนล้าน และให้กู้ผู้ประกอบการอีก ๓.๕ แสนล้าน” นี่จากข้อมูลอภิปรายของ เต้ ไทยศรีวิไลย์

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ชี้ว่า “หากนำทุนสำรองระหว่างประเทศมาลบด้วยตราสารหนี้ที่ขายออกไป จะพบว่าประเทศไทยจะติดลบอยู่ที่ ๑.๑๔๑ ล้านล้านบาท” นอกจากนั้นไอ้ พรก.กู้ใหม่ ๕ แสนล้านนั้นจะทำให้ “มีเพดานหนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็น ๖๐% ของ GDP

แล้วไง ปี ๖๕ รัฐบาล ตู่ เสนองบประมาณไว้ที่ ๓.๑ ล้านล้านบาท แต่คาดการณ์จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ ๒.๔ ล้านล้านบาท เป็นงบฯ ขาดดุลที่ผลักภาระหนี้ไปปีหน้า เต้เขาเรียกว่า ‘รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง’ จึงเชื่อว่าปลายปีนี้จะมีทีเด็ด

คือ “รัฐบาลจะขอมติจากสภาผู้แทนราษฎรในการแก้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อขยับเพดานกู้เงินขึ้นไปอีกจาก ๖๐% เป็น ๘๐%” พวก ส.ส.รัฐบาลและพรรคเห็บเกาะเฮกันใหญ่ พร้อมใจสนับสนุน ตู่ต่อ

แม้จะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนขึ้นอภิปรายงบประมาณรัฐบาลสาดเสีย และพรรคฝ่ายค้านถลกหนังการตั้งงบฯ แบบจำบัง ซุกงบฯ ซื้ออาวุธและงบฯ เพิ่มสำหรับ ขุนพลรบ (สำหรับห้ำหั่นพวกราษฎร) ไว้ใต้รักแร้  แต่ ว้อยซ์ทีวีประมาณการว่าวาระแรกผ่านฉลุย

นั่นคือเสียงฝ่ายรัฐบาล ๒๗๑ ฝ่ายค้าน ๒๑๒ (เสียงเสริมพรรคเล็ก ๒ คน มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับมงคลกิตติ์ หักกลบงูเห่าก้าวไกล ๔ คนที่ ภูมิใจไทยอมอยู่ และของเพื่อไทย ๑ คน ประชาชาติอีกหนึ่งคน ซึ่งอิงแอบ พลังประชารัฐ แล้ว)

เรียกว่าดันทุรังกันไป จะได้อิ่มหมีพีมันกันต่อ ดังที่ หน้า ๓ ไทยรัฐ อ่านไต๋ไว้ว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ที่เสียงแข็งยังไงก็ไม่ถอนตัวจากรัฐบาลแน่นอน เช่นเดียวกับ อู๊ดด้า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์...ย้ำแล้วย้ำอีก ไม่มีเหตุที่ต้องสละเรือ”

ไม่ว่า กรวีร์ ปริศนานันทกุล บัญชีรายชื่อ ภท.จะออกตัวแรง “การจัดทำงบฯ ปีนี้พิลึกพิลั่นจริงๆ และไม่มีใครรู้ว่า...อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลและรัฐสภาแห่งนี้ก็ได้” หรือ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ ภท.ค้านแหลกการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ล้วนถูกมองว่าเป็นการ “โก่งราคาค่าตัว...มันก็แค่ปาหี่ ลิเกโรงใหญ่ตบตาคนดู แค่ลีลาขู่กันยื้อเดิมพัน...พอได้สมประโยชน์ก็เลิกเฮี้ยว จูบปากกันหลังโรง” จึงได้เห็นความถุ่ยของนายกฯ ไม่ต้องทำการบ้าน จนมุมตอบกระทู้หนี้สาธารณะ “เพิ่มเพราะต้องใช้หนี้ให้โครงการรับจำนำข้าวด้วย”


อย่างไรเสีย รถถังจีนก็มาแล้ว วัคซีนไทยพันธุ์ทางอังกฤษยังไม่มา ข่าวรอยเตอร์ว่าที่จะส่งให้ฟิลิปปีนส์ก็เลื่อนมาแล้วหลายครั้ง ถึงจะยืนยันวันที่ ๗ มิถุนามีฉีดแน่ๆ (คงจะ ซิโนแว็ค เป็นหลัก) ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำการ ปูพรม ฉีดได้

ขนาดวัคซีนสำหรับฉีดภายในคลัสเตอร์เรือนจำต่างๆ ซึ่งตลอดสองอาทิตย์ที่จำยอมเปิดข้อมูล มีติดเพิ่มวันละเป็นพัน ก็เพิ่งจะได้ล็อตแรกส่งเข้าไปไล่ฉีดแค่แสนโด๊ส ยังดีนิดนึงที่แกนนำราษฎรอีกสามคน อานนท์ ไม้ค์ และจัสติน เพิ่งได้ประกันออกมาแล้ว

ถึงอย่างไรการอภิปรายงบประมาณปี ๖๕ วาระแรกนี้ก็ยังทำให้อาณาประชาราษฎร์ หูตาสว่าง ขึ้นอีกไม่น้อยก็มาก เมื่อได้ฟัง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสถาบันกษัตริย์ “อย่างน้อยๆ ๓๓,๗๑๒ ล้านบาท

ยังไม่ได้รวมงบที่เกี่ยวข้องกับสถาบันที่อาจซ่อนอยู่ในหมวดหมู่โครงการก่อสร้างที่มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท หรืออื่นๆ” เบญจา แสงจันทร์ ระบุว่าจำนวนไม่ได้เป็นปัญหามากเท่า ผลผลิตและประสิทธิภาพในการจับจ่ายเงินเหล่านั้น

เธอหมายถึง การแอบอ้าง เอาชื่อโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ’ ไปใช้กันอย่างหละหลวม สิ้นเปลือง ยกตัวอย่าง โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว พัทลุง ที่อ้างว่ามาจากพระราชดำริ ร.๙ “มีการคัดลอกเอารายงานของจังหวัดเพชรบูรณ์มาเปลี่ยนชื่อ

...แต่กลับลืมแก้ไขข้อมูลพื้นฐานสำคัญ อย่างลักษณะทางภูมิศาสตร์ และพืชเศรษฐกิจหลัก จนถูกประชาชนคนทั่วไปจับผิดได้” อีกโครงการ อ่างเก็บน้ำนฤบดินทระจินดา’ หรือ ‘โครงการห้วยโสมงก็อ้างดำริ ร.๙ “มายาวนานมากกว่า ๑๐ ปี”

ของบฯ จัดงบฯ ถมกันลงไปทุกปี ภายใต้กรอบวงเงิน ๙,๐๗๘ ล้านบาท กำหนดระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี ๕๓ ถึง ๖๑ ขอเลื่อนมาทุกปีป่านนี้ปี ๖๔ ยังไม่เสร็จ ขอเลื่อนต่อไปปี ๖๕ ซึ่ง “ปัจจุบันงบประมาณปี ๒๕๖๕ ท่านก็ระบุว่าจะแล้วเสร็จปี ๒๕๖๖”

ส.ส.ก้าวไกลผู้นี้เธอให้ข้อคิดสละสลวย สุภาพ และสมถะ สรุปสั้นๆ บรรทัดเดียวได้ว่า รู้สึกเจ็บแทนสถาบันฯ แทนที่จะปลาบปลื้มกับผลงานดังที่เขาโฆษณา ว่าไพร่ฟ้าหน้าใสสุขสบายถ้วนหน้า ที่ไหนได้ถูกคนเหล่านั้นห้อยโหน หาผลประโยชน์ใส่ตนกันปรีดา

(https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/328278835470810, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2761478717478336, https://www.voicetv.co.th/read/5B06uPHYG2ri1WQ, https://www.matichon.co.th/politics/news_2751689 และ https://www.thairath.co.th/news/politic/2105260)