วันอังคาร, มิถุนายน 15, 2564

"ใช้ปากแทนสมอง” จะเอาให้ได้อีก ๕ แสนล้าน ไปลำเลิกกับสภา 'ตู่ตั้ง' “ใครไม่เชื่อมั่นผม ขอให้ยกมือ”


จะเอาให้ได้อีก ๕ แสนล้าน ไปลำเลิกกับสภา ๒๕๐ คน “ใครไม่เชื่อมั่นผม ขอให้ยกมือ” ใครมันจะยกล่ะ ถามแบบนี้กับพวกที่ตั้งมากับมือ “หัวผมทำงานทุกวัน ฝันก็ยังเป็นงาน...ยิ่งไล่ ผมยิ่งสู้” ในหัวมีเท่าหางอึ่งก็อย่างนี้แหละ มันจะพินาศไปกับมือ

ปัญหาใหญ่ในวันนี้ก็คือโควิดระบาดรอบที่สาม ซึ่งหนักกว่า รุนแรงกว่าสองครั้งที่ผ่านมาหลายเท่า นี่สองเดือนเข้าไปแล้วยังไม่มีท่าทีลดละ ส่วนใหญ่เป็นเพราะการบริหารจัดการสกัดเชื้อและรักษา ไม่เป็นท่า วันนี้ติดเพิ่ม ๓ พันถ้วน ตาย ๑๙

ทางที่จะหลุดวิกฤตนี้ไปได้อีกเปลาะ แบบที่ประเทศใหญ่ในตะวันตกทำจวนสำเร็จก็คือระดมฉีดวัคซีนให้เกิน ๗๐% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุมกันหมู่ หรือ ‘Herd Immunity’ ที่ดูเหมือนรัฐบาลตู่พอเข้าใจอยู่ แต่ทำไม่ได้ เพราะมีวัคซีนใช้ในจำนวนจำกัด

ทำไมถึงมีวัคซีนจำกัด อ้างว่าประหยัดไม่ได้จองไว้มาก เนื่องจากหวังจะมีวัคซีนพระราชทาน (คำนี้เริ่มจากพวกลิ่วล้อรัฐบาลเริ่มแล้วสลิ่มเฮตามแห่) ครั้นพอบริษัทซึ่งกษัตริย์เป็นเจ้าของชักจะไปไม่คล่อง ไม่สามารถผลิตวัคซีนให้ทันใช้ตามต้องการ เกิดการโบ้ยกันไปเป็นทอดๆ

ดังกรณีล่าสุดที่เริ่มการระดมฉีดไปได้สองวัน ฉีดไปวันละ ๔ แสนกว่าเกือบ ๕ แสน แล้วเริ่มถอย เหลือวันละ ๓ แสน ๒ แสน และ ๑๓ มิ.ย.ฉีดได้แสนเดียวขอพัก โรงพยาบาลและสถานที่ฉีดเลื่อนนัดฉีดที่ตกค้าง หลายแห่งยอมรับตามตรงว่า วัคซีนหมด

แต่รัฐบาลใจปลาสร้อยไม่กล้ายอมรับความจริง กลายเป็นจรเข้ฟาดหางดะไป “รพ.บอก ไม่ได้รับจัดสรรวัคซีนจาก กทม. สธ. บอกส่งวัคซีนให้ กทม.แล้ว กทม.บอกได้รับวัคซีนจาก สธ.ไม่ครบ” รัฐมนตรีออกมาไล่ฟัดโรงพยาบาล “ห้ามเลื่อนนัด”

ชาวบ้านเริ่มหันไปจ้องหน้าสยามไบโอไซน์ ไหนว่าเก่ง ไฉนไม่สามารถส่งมอบให้ได้ตามสัญญาว่าจ้าง ศบค.รีบแก้ให้ ชี้หน้าจวกประชา “เราต้องภูมิใจ (สิ) ที่ผลิตวัคซีนได้เองในประเทศ” แล้ว เอสบีเอสเข้ามาเล่น เบลมเกมบ้าง

อ้างว่าจริงๆ แล้วผลิตไว้เยอะ แต่แอสตร้าเซเนก้าเอาไปขายประเทศต่างๆ ก่อนตามสัญญาจอง แอสตร้าฯ บอกเฮ้ย ไอส่งให้รัฐบาลยูครบและทันดังสัญญานะ ลงเอยไม่มีใครผิดเลย ประชาชนทนรำคาญไม่ไหว โพล่งออกมา “เออ กูผิดเอง” แล้วกัน

พอหันไปดูที่สภา ตู่ตั้ง ไอ้คนที่ตั้งเอาแต่คุยโต “อย่าลืมว่าเป็นรัฐบาลเราเท่านั้นที่ทำให้เงินถึงมือประชาชนโดยตรง” แต่ว่า “วันนี้สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ การรับจองฉีดวัคซีนมากกว่าวัคซีนที่แบ่งให้ไป...การนัดฉีดต้องไม่นัดเกินที่วัคซีนมีอยู่”

ให้ไป ๕ แสนโด๊สเซส ต้องบริหารให้ฉีดได้ทั้งเดือน “ถ้าเร่งฉีดวันเดียวก็ไม่ถึงเดือน” ไอ-๕ อย่างนี้ก็มี เขามีแต่เร่งฉีดให้ไวที่สุด-มากที่สุด ในเมื่อมีวัคซีนไม่พอฉีดให้มากที่สุดได้ ฉีดไวที่สุดไปก่อนยังดีกว่าค่อยๆ ทยอยฉีดให้ครบเดือน


เวลาผู้นำใช้ปากแทนสมอง เอาแต่สั่ง สั่ง สั่ง ไม่รู้ รู้ (เหนือ-ใต้ น่ะ) ละก็ สิ่งที่เร่งผายออกมาจากปาก  บางครั้งบางทีมันเป็นของรอระบายในอีกช่องทางก็ได้ คือแทนที่จะลงใต้ดันแซงมาขึ้นเหนือ พวก สว.ที่ตู่ตั้งจึงได้ยินคำถาม

“ในนี้มีใครไม่เชื่อมั่นผม หรือไม่ขอให้ยกมือ” ไม่ยักไปถามในสภาผู้แทนฯ จะได้เห็นเกือบ ๒๐๐ คนยกมือกันพรึ่บ คงจะมีก็แต่ในสภาที่ตนเองตั้ง ที่พูดแล้วไม่ถูกโห่ ว่า “คาดเศรษฐกิจไทยปี ๖๔ ขยายตัวได้ ๑.๕-๒.๕ เปอร์เซ็นต์” เท่านั้น โถ จะคุยแก้เก้อก็เฮ้อ

แล้วยัง กล้ามาก เก่งมากคุยเพลิน เกินไปไกล กู่ไม่กลับ ว่า “ที่ผ่านมาติดลบมาตลอด” คงความจำสั้นมาก ลืมไปว่า ที่ผ่านมา ตั้ง ๗ ปีนั่น ใครวะเป็นคนบริหารประเทศ แล้วไม่เคยรับผิดชอบสิ่งชั่วร้ายที่เกิดโดยน้ำมือตนเลยสักครั้ง

มีสองสามข้อแก้ตัวที่ใช้ประจำ ใช้เงินจนเจียนจะขอดคลัง ยังไม่เห็นผลอะไรสักอย่าง (นอกจากคลองผดุงน้ำใส) ก็อ้าง จำนำข้าว ทั้งที่ส่วนหนึ่งของความเสียหายเกิดภายใต้รัฐบาลคณะรัฐประหาร เอาข้าวดีค้างสต็อกไปขายเป็นข้าวเน่า

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจไม่ฟื้นมาตั้งแต่ก่อนเริ่มโควิด ตอนนั้นไม่มีปัญญาแก้ไขอยู่แล้ว พอดีโควิดมาช่วยเป็นข้ออ้าง หนี้ครัวเรือนสูง “อาจจะเกิดผลกระทบจากโควิด...เกิดผลกระทบทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเช่นกัน ก่อนหน้านั้นก็มีปัญหาเรื่องการค้าของประเทศมหาอำนาจ”

ประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งเขาไม่เห็นโดนกระทบมากอย่างไทย ยิ่งเวียดนามนี่กลับวิ่งฉิว ถ้าตู่อยู่ต่อหลังเลือกตั้งครั้งต่อไปละก็ เวียดนามจะแซงหน้าทางเศรษฐกิจ ก่อนประยุทธ์ ๓ จะได้ถวายสัตย์อย่างขาดๆ วิ่นๆ เสียอีก

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2776784 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2775726)