วันอาทิตย์, เมษายน 18, 2564

พวก 'นักรบฮ่า นักรบเฮี้ย' ไรเนี่ยควรระวัง "การสวนกลับจะหักโหมและรุนแรงยิ่งกว่า"


พวกนักรบองค์ดำ นักรบศรีวิชัย นักรบฮ่า นักรบเฮี้ย ไรเนี่ย ตั้งตัวเป็นนักไล่ล่าใครก็ตามซึ่งพวกตนเห็นว่าประพฤติผิดมาตรา ๑๑๒ ที่ห้ามดูหมิ่นกษัตริย์ ประกาศ “ใครมีพฤติกรรม​จาบจ้วงล่วงละเมิดเช่นนี้อีก​ ท่านอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งในจ๊อบต่อๆ ไปของเรา”

โอ้โฮ เดี๋ยวนี้ขบวนเผด็จการฟ้าสซิสต์ขยายวงออกไป ข่มขู่ ข่มเหง และทำร้ายพลเมืองด้วยกันเองแล้วนะ ไม่เพียงอาชีพทหาร ตำรวจ ตลก. และหมอยาบางตน โดยที่ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย – DRG’ ยกพวกเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเรียกตัวบุคคลออกมาไต่สวน

“อ้างว่าเป็น ยุทธการผีเสื้อสมุทร ปฏิบัติการดัดสันดานคนจาบจ้วง นำโดยนายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู หัวหน้ากลุ่มนักรบองค์ดำ และนายรักวิทย์ ยินดี หัวหน้ากลุ่มนักรบศรีวิชัยจันทบุรี”​ ทั้งๆ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐอันชอบธรรมตามกฎหมาย

“นายสุเมธเคยถูกซัดทอดจากมือปืนป๊อปคอร์น จากเหตุการปะทะที่แยกหลักสี่สมัยการชุมนุมของ กปปส.” นอกจากนี้ “ยังคงมีความคุ้นเคย และได้รับการสนับสนุนจาก พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย” ซึ่ง เทพเทือก จัดตั้ง

“นี่คือความไม่มีบรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรม และเป็นสิ่งที่รัฐไทยเอื้อให้ฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์สามารถเลือกที่จะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งจากรัฐและจากประชาชนด้วยกันเอง” ทำให้สังคมไทยตกอยู่ใต้ระบอบเผด็จการหนักยิ่งขึ้นๆ ทุกวัน

ดัง อจ.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ระบุไว้ว่า “เพื่อลัทธิแห่งความมั่นคง ทำให้ครูกลายป็นตำรวจ ตำรวจกลายเป็นโจร โจรกลายเป็นผู้มีอำนาจ ศาลกลายเป็นกระบวนการ อยุติธรรม เด็กกลายเป็นนักต่อสู้ทางการเมือง #ประเทศ (นี้) กำลังกลืนกินอนาคตของตัวเอง”

โดยธรรมชาติมนุษย์ที่ถูกกดหัวข่มเหง เพราะผู้กดขี่มีอำนาจและศาสตราเหนือกว่า แต่การบีบคั้นย่อมไปถึงจุดที่ฝ่ายเป็นเบี้ยล่าง ไม่ทนและฮึดสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ การสวนกลับจะหักโหมและรุนแรงยิ่งกว่า เมื่อนั้นพวกนักรบระห่ำทั้งหลายคงไม่ลอยนวลต่อไปได้


ทุกวันนี้การฮึดตอบโต้ของฝ่ายถูกกระทำยังอยุ่ในกรอบและขอบข่ายของหลัก สันติ อหิงสาดังการรณรงค์ล่าสุดโดยกลุ่มมารดาของเยาวชนที่ต้องขังหลังจากถูกแจ้งข้อหา ในความผิดฝ่าฝืนกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ศาลปฏิเสธให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราว

'คณะราษฎรมัม' ไปร่วมกันยืน ๑๑๒ นาที ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นสัญญลักษณ์ประท้วงศาลอาญาที่จงใจบีบคั้นกลั่นแกล้งกักตัวเยาวชนจำนวนมากไว้ ภายใต้ระบบราชทัณฑ์ที่โลกภายนอกตำหนิว่า อยุติธรรมมีคนไปร่วมกิจกรรมถึงราวๆ ๓๐๐ คน

“เราอยากให้เขาได้มีชีวิต ได้มีโอกาสสู้คดีข้างนอก มีโอกาสทำเพื่อแผ่นดิน เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับครอบครัวอื่น” นางสุรีรัตน์ มารดาของเพ็นกวิ้น พริษฐ์ ชีวารักษ์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในตอนหนึ่ง พร้อมทั้งเผยอาการของลูกชายซึ่งตั้งมั่นอดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำ

“เพนกวินน้ำหนักลดลงหลายกิโลกรัม น้ำตาลตก มีอาการวูบ ต้องเข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่เพนกวินจะรีบออกจากโรงพยาบาล ไม่อยากนอนโรงพยาบาล กังวลเรื่องความปลอดภัย...ถ้าประเทศต้องการบัณฑิต ก็อย่าขังคนที่จะเป็นบัณฑิต” เธอว่า


แม้จะมีเสียงวิงวอนจากฝ่ายเรียกร้องต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์หลายราย ให้เพ็นกวิ้นและ รุ้ง (ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล) ยุติการอดอาหารประท้วงเสียเถอะ “เราต้องมีลมหายใจไว้สู้ยาวๆ” ทรายอินทิรา เจริญปุระ ทวี้ตกล่าว “อย่าใช้วิธีนี้ต่อสู้กับคนไม่มีหัวใจ”

กระทั่งพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นนทบุรี ยังไม่นิ่งเฉย ขอบิณฑบาต “คุณเพนกวินและรุ้งเลิกอดอาหาร เพื่อมีชีวิตไว้ดูการเปลี่ยนแปลงเมื่อฟ้าหลังฝน” อีกทั้งยังอธิบายว่า “การเลิกอดอาหารก็ไม่ได้เสียอุดมการณ์”

เพราะสะท้อนปัญหาระบบยุติธรรมไทยได้มากแล้ว “จึงไม่อยากให้คิดแต่เรื่องสู้ ๆ เท่านั้น อยากให้มองเรื่องสร้าง ๆ ด้วย ควรจะสู้ไปสร้างไป” เนื่องจากกระบวนยุติธรรมไทย “ยังมีกิเลส...ถึงคุณจะตายไป อาตมาเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยก็คงจะไม่ได้รุ่งโรจน์โชติช่วง

...เพราะฉะนั้นก็ต้องถนอมชีวิตไว้ ทั้งเพนกวินและรุ้งต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นด้วยตัวเอง”

(https://www.prachachat.net/politics/news-650047, https://prachatai.com/journal/2021/04/92604 และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/129514755822078/)