อีกคืบของระบบฟ้าสซิสต์ ‘ไอทู้บ’ รัฐมนตรี๋กร่างสั่งห้ามพระยุ่งการเมือง “ลั่นไม่ใช่กิจสงฆ์” เพราะกลัวพวกพระตั้งลัทธิใหม่ “ปฏิบัติผิดหลักคำสอน สร้างความแตกแยก และเป็นภัยต่อสังคม” ของเหล่าลิ่วล้อสืบทอดเผด็จการ
อย่างนี้ถ้าเอาอย่างในหนังฝรั่ง พวกพระต้องชูสามนิ้วเชิดหลักธรรม ๓ ประการแห่ง ‘โอวาทปาติโมกข์’ คือไม่ทำชั่ว ทำแต่กรรมดี และมีจิตใจบริสุทธิ์ ซึ่งไม่แน่ใจ อนุชา นาคาสัย จำได้ หรือรู้จักแค่ไหน จึงได้กล่าวหาพระสงฆ์เชื่องมงาย ไม่เข้าข่ายความเห็น ‘มหาเถร’
เหตุจาก ‘พระดาวดิน’ นั่งอดอาหารประท้วงขอสิทธิประกันตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หน้าศาลอาญา แล้วมี ‘พระสมพร’ ไปเยี่ยมเยียนแล้วปักหลักร่วมตั้งแต่เช้าวันที่ ๒๐ เมษา จนกระทั่งเพล ก็มี “ตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาล
พร้อมด้วยพระวินยาธิการเขตบางเขนเข้าไปตรวจสอบ” อ่านประกาศเจ้าอาวาสวัดชัยมงคล ต้นสำนักจังหวัดลพบุรี ว่าให้พระสมพรพ้นจากสังกัด จากนั้นนำตัวพระสมพรพร้อมด้วยสมณะดาวดินขึ้นรถตู้ไปไว้ที่วัดเสมียนนารี ทำการสอบสวนและยืนยันต่อพระสมพร
ว่าถูกไล่ออกจากวัดแล้วนะ จะกลับไปได้เฉพาะไปขนของส่วนตนออกเท่านั้น หลังเที่ยงสมณะดาวดินกลับไปนั่งอดอาหารต่อที่หน้าศาลอาญาเป้นวันที่ ๖ มีมวลชนปักหลักร่วม รวมทั้ง เอกชัย หงส์กังวาล ซึ่งคอยติดตามสังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด
นั่นเหตุเกิดเมื่อวาน ไม่รู้พรุ่งนี้จะมีรายการคุกคามใหม่อีกไหม แน่ๆ อีกรายพระสงฆ์สายก้าวหน้าอย่างระดับเจ้าคุณ ‘พระประสาร’ เมธีธรรมาจารย์ โดนผู้ตรวจการ พศ. (สำนักพุทธศาสนาฯ) เล่นงานเหมือนกัน จากการที่ท่านโพสตืข้อความบนเฟชบุ๊ค
ต่อการที่รัฐบาลเชื่องช้าและซ้ำซาก ดั่ง ‘แผ่นเสียงตกร่อง’ ในการแก้ปัญหาไวรัสวายร้าย ‘โควิด-๑๙’ ระบาดอีกเป็นรอบที่สาม “วัคซีนชั้นดียังคงมืดมนสำหรับประชาชนในประเทศนี้” ทำให้บรรดา ทส.รับใช้รัฐบาลในสำนักพุทธฯ คันยิก
สิปป์บวร แก้วงาม บอกว่ามหาเถรฯ “พิจารณาแล้วเห็นว่า การแสดงความเห็นดังกล่าวของพระเมธีธรรมาจารย์ เกี่ยวข้องกับการเมืองและขัดคำสั่งมหาเถรสมาคม...จึงให้ พศ.ประสานงานกับพระสังฆาธิการ” เข้าไปเจรจาปรับทัศนคติ “ไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
นั่นเป็นเรื่องสงฆ์ที่ ‘โยม (ผู้กำอำนาจบ้านเมือง) เสือก’ ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องในแวดวงของ ‘บริวาร’ สายความมั่นคงเช่นตำรวจ นอกจากไม่ให้ใครเสือกแล้วยัง ‘เสก’ ให้การประพฤติผิดในหน้าที่การงานกลายเป็นแค่ความรู้เท่าไม่ถึงการ หรือเพียง ‘สถานเบา’
ดังกรณี พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พาภรรยาคนสวยนุ่งกระโปรงบานขึ้นเฮลิค็อปเตอร์ราชการ ‘บินกินลม’ เพื่อเซลฟี่และถ่ายคลิปลง ‘ติ๊กต็อก’ อวดชาวบ้านด้วยความสนุกสนาน พอเกิดกระแสวิจารณ์ว่าเฮ้ยผู้พันนี่เหลิงต้องตรวจสอบ
สำนักตำรวจแห่งชาติจึงได้เปิดตำรากฎหมายหาความผิด ชนิดเบาบางที่สุดละมัง แทนที่จะเจาะประเด็นใช้ยานบินของราชการเพื่อการบันเทิงส่วนตัว เอาอย่างโบอิ้งลำยักษ์บินไปกลับมูนิค-สุวรรณภูมิสองอาทิตย์หน ควรโดน ๑๑๒ ฐานเลียนแบบของสูง
กลับเจาะจงเอาผิดผู้พันแค่ ‘เต้นแร้ป’ สไตล์ต่างชาติแพร่ภาพเคลื่อนไหวใน ‘โซเชียล’ ผิดระเบียบและฝ่าฝืนคำสั่ง ผบ.ตร.เรื่อง “๙ ข้อห้าม ๕ ข้อควรทำ” ออกมาบังคับใช้เมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง งานนี้จเรตำรวจฯ ออกมาจัดการด้วยตนเอง
อ้าง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข “เคยย้ำชัดว่า การเป็นข้าราชการตำรวจนั้นนอกจาก ‘สิทธิส่วนบุคคล’ แล้ว ยังมีคำว่า ‘หน้าที่ความรับผิดชอบ’ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” ต้องดูให้ดีเข้าข่าย ๙ กับ ๕ หรือไม่ นอกจากว่าผิดไหม ก็ต้องดูด้วยว่า ‘สร้างสรร’ หรือเปล่า
ระหว่างรอผลของกรรมการที่ ผบ.ตั้งขึ้นมาสอบสวนภายใน ๗ วัน ก็ย้ายผู้ถูกสอบเข้ากรุ “ไปปฏิบัติราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งและสังกัดเดิม” เป็นการชั่วคราวไปก่อน เรื่องเงียบแล้วอาจกลับมาใหม่
ต้องดูว่าผู้พันคนนี้เส้นใคร ใหญ่เล็กหรือแค่เส้นหมี่ ส่วนจะเป็นแค่เขลาเอง ไม่ได้กร่างหรือของขลังขึ้นนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้มากนัก ไม่ต้องรอดูเดี๋ยวคงจบเงียบหายไปเอง ไม่ว่าจะใหญ่จริงหรือเพียงหางกระดิกตามหัวที่ส่าย
(https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2681509, https://www.khaosod.co.th/politics/news_6351804, https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_419110 และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165324265565551)