วันพุธ, เมษายน 21, 2564

เสียงประชาธิปไตยของ เอ้ – กุลจิรา ทองคง อะไรที่ผลักดันให้เธอกล้าออกมา



The101.world
10h ·

เอ้ – กุลจิรา ทองคง เคยขีดเส้นไว้ว่า ‘อะไรก็ได้ แต่ไม่ขอถูกจับ’ แต่ภายหลังจากการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2564 เธอกลายเป็นคนที่มีคดีติดตัวถึง 5 คดี
.
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ : https://www.the101.world/kuljira-thongkong-interview/
.
ภาพที่เธอวิ่งไปช่วยเพื่อนที่กำลังถูกเหล่า คฝ. อุ้มไป และเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธคู่กับเสียงตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่ปล่อยเพื่อนเธอ ผ่านไลฟ์สดความยาว 7 นาทีครึ่ง ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งโลกออนไลน์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ชวนให้หลายคนอยากรู้จักตัวตนและความคิดของเธอให้มากขึ้น เพราะน้อยครั้งนักที่จะได้เห็นศิลปินดาราบ้านเราออกมา call out ประเด็นการเมืองไทย ยังไม่ต้องพูดถึงการลุกขึ้นมายืนหยัดต่อสู้บนนถนนเช่นนี้ ที่นับว่าเป็นภาพหายากยิ่งกว่า
.
อะไรที่ผลักดันให้เธอกล้าออกมาทำเช่นนี้ สังคมการเมืองไทยในสายตาของเอ้เป็นอย่างไร — ถึงเวลาฟังเสียงของเธออีกครั้ง
.
“เราเองก็สองจิตสองใจ เราไม่อยากโดนจับ ไหนจะคืนนั้นมีงานที่ต้องไปทำต่อด้วย แต่มันเป็นความรู้สึกผิดมั้ง ความรู้สึกผิดที่ว่ายังมีคนอย่าง เพนกวิ้น รุ้ง และอีกหลายคนที่ต้องอยู่ในคุก แต่เรากลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เออ ตลกดีเหมือนกันนะ นี่กูต้องมาอยู่ในชีวิตที่กูมีความสุขแล้วกูต้องรู้สึกผิดหรือ ทำไมกูต้องมารู้สึกผิดที่ไม่ได้เข้าไปในผ้าใบนั้น ทั้งๆ ที่กูมีสิทธิใช้ชีวิตแบบไม่อยากยุ่งกับใครอยู่แล้ว มันเป็นความรู้สึกผิดพวกนี้ไหลวนในความคิดเรา”
.
“แต่ถ้าเราไม่รู้สึกผิด เราก็กลายเป็นคนที่เราไม่ชอบ เราไม่อยากเป็นคนที่ แม่ง เห็นคนตายอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไร เราเลยตัดสินใจก้าวเข้าไปในผ้าใบและไลฟ์สด เพราะเราอยากให้ทุกคนเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยคลิปนั้นก็ทำให้คนได้รู้ว่าพวกเราต่อสู้กันอย่างสันติจริงๆ”
.
“ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราโดนจับ มันลดทอนความเป็นมนุษย์ของเราตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าการจับแบ่งพวกเราเหมือนนักโทษ การพูดว่าพวกเราฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกอย่างถูกทำให้ดูเป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่มาก ถามว่าทำไมไม่พาเราไปสน. ตามปกติ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเอา คฝ. ชุดใหญ่มานั่งคุมพวกเรา หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างเรื่องผ้าอนามัย เขาก็ยังจัดการให้ไม่ได้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูเพื่อเอาผ้าอนามัยมาให้เราด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่า ‘นาย’ อนุญาตหรือเปล่า ก็นายไม่ได้สั่งเรื่องนี้ไว้ ทั้งหมดคือการลดทอนความเป็นมนุษย์ของพวกเราและตอกย้ำความเป็นหุ่นยนต์ของพวกเขา”
.
“บางคนก็มาคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กว่าพี่แนะนำนะ หนูเป็นแค่นักร้อง ก็ร้องเพลงไป หนูจะมายุ่งอะไรกับการเมือง อ้าว! แล้วพี่มายุ่งอะไรกับหนูคะ เพราะอาชีพที่เราทำเลยทำให้เราไม่มีสิทธิตรงนี้หรือ นี่ประเทศเรา เราจ่ายภาษี แล้วทำไมเราจะยุ่งไม่ได้ คุณใช้สิทธิอะไรมาบอกให้เราห้ามยุ่งการเมือง มันไม่เมคเซนส์มากๆ”