ทำไปทำมามันจะเข้าตาจนน่ะนะ ‘ตู่’ เอ๊ย “โควิดไม่จบเพราะไอ้พวกไร้จิตสำนึก” นั่นเนอะ ไหนจะรัฐมนตรีอีกคนไปปาร์ตี้ที่สุโขทัย มีรดน้ำดำหัวไม่ใส่หน้ากาก ติดเชื้อกันไปแล้วตั้งสี่ร้าน จนมีคนถามว่าทั่น สมศักดิ์ เทพสุทิน ยังอยู่ดีไหม
กับที่เจอด้วยตัวเอง ตู่เผยตอนไปเยี่ยม ‘โรงพยาบาลสนามเอราวัณ ๒’ เขตหนองจอกให้คนโทรไป ‘สายด่วนผู้ป่วยโควิด’ ดันไม่มีใครรับสาย ต้องยอมรับหน้าตายว่าปฏิบัติการห่วยแตก การให้บริการเป็นปัญหา รถรับส่งผู้เกิดอาการ ไปจอดรอกระจุกอยู่แต่ที่โรงพยาบาล
ทั้งที่คุยว่า ได้ข้อยุติในการจัดหาวัคซีนเพิ่มจากยี่ห้อใหม่อีก ๒-๓ ราย อีกตั้ง ๓๕ ล้านโด๊สเซส (ของไฟ้เซอร์ ๑๐ ล้าน) แต่ทั้งหมดนี้เพียงอยู่ในขั้นตอน ‘จะ’ เร่งจัดหาและกระจายเพื่อฉีดภายใน ธ.ค.นี้ ได้ผลอย่างไรรอไว้ใกล้ๆ ค่อยถามอีกทีนะตะเอง
ด้าน รมว.สา’สุข คนขี้คุยเหมือนกัน ว่าโอ๊ยเราติดต่อกับไฟ้เซอร์มาแต่อ้อนแต่ออกแล้ว เขาบอกว่าจะส่งให้ได้เร็วสุดก็ปลายปี เลยนึกว่าถ้าปลายปีไม่มีประโยชน์มากนัก ป่านโน้นโควิดคงอันตรธานไปหมดแล้ว (ก็เลยไม่ได้สั่งอะ) แต่ตอนนี้เอาละ คุยกันจริงจัง
พบว่าไฟ้เซอร์ได้สเป็คเหมาะเจาะกับไทย หนึ่ง “ไม่ต้องเก็บในอุณหภูมิ -๗๐ องศา...โดยถ้าเก็บในระยะเวลาหนึ่งเก็บได้ที่ -๒๐ องศา แต่ถ้านำมาใช้เลย เก็บได้ที่ +๒ ถึง ๘ องศา นั่นจึงทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง” ยังไม่หมด
“ไฟ้เซอร์เป็นวัคซีนที่ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1๑๒ ขวบขึ้นมา ไม่มีข้อจำกัดอื่น เราจึงให้ความสนใจมากขึ้น ปัจจุบัน วัคซีนในโลกได้ตั้งแต่อายุ ๑๖-๑๘ ปี เราจึงต้องนำมาพิจารณา” กลายเป็นว่าความวิเศษของไฟ้เซอร์เพิ่งปรากฏต่อสายตารัฐมนตรีตอนนี้
แต่ว่าหมอหย่ายที่จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา ยังเชียร์ผลิตภัณฑ์จีน ‘ซิโนแว็ค’ ไม่หยุด “ทางศูนย์ได้ทำการศึกษาร่วมกับโรงพยาบาลบ้านแพ้ว สมุทรสาคร” พบว่าภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีน Sinovac สองเข็มห่างกัน ๓ สัปดาห์
“ภูมิต้านทานขึ้นได้ดีมาก เป็นที่น่าพอใจ ๔ สัปดาห์หลังฉีดเข็มสอง ภูมิต้านทานที่ขึ้นได้เท่าเทียมกับภูมิต้านทานที่ตรวจพบจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติที่ ๔ ถึง ๘ สัปดาห์” อธิบายภาษาชาวบ้านง่ายๆ ก็คือวัคซีนของจีนรายนี้สู้หนามแหลมโควิดได้ ๙๙.๔%
“ระดับภูมิต้านทานในกลุ่มที่ฉีดวัคซีน ๒ เข็มมีค่าเฉลี่ยเรขาคณิต อยู่ที่ ๘๙.๕ u/ml ส่วนผู้ที่ติดเชื้อในธรรมชาติจะมีระดับภูมิต้านทานค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ๖๑ u/ml” เท่านั้น แถมขณะนี้กำลังศึกษาเพิ่มเติมหาทางทำให้สามารถสกัดกั้นการติดเชื้อซ้ำด้วย
ตีความการเสนอความเห็นของ นพ.ยง ภู่วรวรรณ ครั้งนี้คงจะพยายามกล่อมประชาชนว่าวัคซีนซิโนแว็คไม่ได้ต่ำต้อยอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน แม้นว่าอาการข้างเคียง ‘อัมพฤกษ์’ ที่เกิดกับผู้ได้รับการฉีดซิโนแว็ค ๖ รายในจังหวัดระยอง
นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา แห่งศูนย์โรคอุบัติใหม่ จุฬาฯ ก็บอกว่า “น่าจะเป็น เฉพาะล็อตของวัคซีน และไม่น่าจะเป็นจากวัคซีนทั้งหมด” ซึ่ง พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์โควิดฯ แจ้งว่าอาการนั้นเพียง “คล้ายอัมพฤกษ์”
ถึงแม้ผู้ไม่มีปริญญาแพทย์ทั้งหลายเป็น ‘งง’ กันระนาวจากการได้ความรู้ใหม่ว่าโรค ‘คล้าย’ ไม่ใช่โรคจริง มีอยู่ในสาระบบการแพทย์ไทย แต่เท่าที่คุณหมออธิบายว่าเหตุเกิดกับ ๖ รายนั่นเป็น ‘stroke’ หรือเส้นเลือดในสมองแตก ก็คือต้นตอของอัมพฤกษ์นั่นเอง
ถึงอย่างนั้นประชากรไทยยังต้องตั้งความหวังไว้กับวัคซีนจีน อย่างน้อยๆ จนถึงปลายปี กว่าของฝรั่งอังกฤษ เยอรมันจะมา ส่วนที่รัฐบาลโพนทนาไว้ถึงแอสตร้าเซเนก้า ๖๕ ล้าน ไฟ้เซอร์อีก ๓๕ ล้าน ยังแค่ ‘จะ’ ได้มาเท่านั้น
ประดุจดังฉายหนังโปรปรากันด้าให้ใจเต้นไว้ก่อน จะได้ลืมๆ เรื่องโรงพยาบาลคิวยาว เตียงไม่พอ หรือคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้รอรับสาย ดังตู่เจอด้วยตนเอง
(https://prachatai.com/journal/2021/04/92660, https://www.matichon.co.th/politics/news_2684074, https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2684081 และ https://www.thairath.co.th/news/politic/2073943)