วันเสาร์, เมษายน 10, 2564

เสร็จแล้วที่ 'โควิด' กลับมาระบาดระลอกใหม่ ด้วยฝีมืออันไร้แก่นสารล้วนๆ


ตกลงที่คุยนักหนาว่าประเทศไทยจัดการปัญหาระบาดของโควิด-๑๙ ในอันดับต้นๆ ของโลกนั้น ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลแน่นอน เหตุเกิดยอดผู้ติดสูง (surges) ทีไร เป็นด้วยชะล่าเหลิงและคอรัปชั่นทั้งนั้น ตลาดกุ้งสมุทรสาครครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้สถานที่อโคจรทองหล่อ

ตัวเลขกลมหรือรีไม่สำคัญเท่าคนของรัฐเคยพูดไว้อย่างหนึ่ง บัดนี้พลิกผันหน้ามือเป็นหลังตีน “จากวันที่ ๙ เมษายนที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง ๕๕๙ คน” หลังจากเหตุการณ์คลัสเตอร์สถานบันเทิงกลางกรุงทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่ง ๖๐๔ ราย กระจายพื้นที่ ๓๒ จังหวัด

ตัวเลขล่าสุดจริงๆ ๑๐ เมษา คนติดเพิ่มเกือบ ๘๐๐ ราย ทำให้รัฐบาลยอมให้เอกชนจัดหา วัคซีนทางเลือกมาช่วยเสริม ทั้งที่ไม่นานมานี้ (ปลายกุมภา) รัฐมนตรีสาธารณสุขยังคุยโวอยู่เลย “ไทยมีวัคซีนในมือมากสุดในเอเซีย”

แท้จริงเป็นวัคซีนที่สั่งจองไว้ มาถึงเมื่อไหร่ไม่มีกำหนดแน่นอน แค่บอกคร่าวๆ เดือนนั้นเดือนนี้ ก่อนหน้านั้นนิดนึง (ต้นกุมภา) โฆษก ศบค.สบัดสำนวน “วัคซีนจะมาช้ามาเร็ว แทบไม่มีผลอะไร” ขอให้รักษาอนามัยป้องกันตนเป็นส่วนตัวเอาไว้

“ผมยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนแสดงเจตจำนงจะหาวัคซีนช่วยภาครัฐ ภาครัฐไม่ได้ปิดกั้นอะไรอยู่แล้ว” นี่คำพูดของผู้เป็นนาย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แต่นายกฯ เองยังสับสนเรื่องตัวเลข “เราต้องฉีดวัคซีนให้กับคนทั้งประเทศ ๔๐ ล้านคน แต่หาวัคซีนมาได้ ๓๕ ล้าน”

เฮ้ย ใช่เหรอ วัคซีนที่มีเข้ามาแค่ของจีน ซิโนแว็คเท่านั้นนี่ ยี่ห้ออื่นๆ ที่พวกเชื้อพระวงศ์และระดับ ชั้นสูง ฉีดกันไม่กี่คนเท่านั้น อนุทิน ชาญวีรกูล ป่าวร้องวันนี้ (๑๐ เมษษ) ว่าซิโนแว็คล็อตที่สามมาแล้ว ๑ ล้าน แต่สองล็อตก่อนแค่ ๒ แสนกับ ๘ แสน

ที่มีจริงๆ สำหรับประชากร ๔๐ ล้านขณะนี้แค่ ๕% นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเอาอะไรมาพูดว่า “วัคซีนที่เข้ามาขณะนี้มีแอสตร้าเซนเนก้า ๖๑ ล้านโดส” ตกคำว่า จะ ไปละมัง ผิดพลาดคำเดียวความหมายต่างเป็นหน้ามือกับหลัง...เช่นกัน

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ #โควิด19 ต่ำเกินไป สุดท้ายผู้ที่ต้องแบกรับความเสียหาย ๒.๕ แสนล้านบาทต่อเดือน คือประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย” ส.ส.วิโรจน์ (ก้าวไกล) ไล่เบี้ยรัฐบาลว่าชาวบ้าน “แบกหนี้จนแทบไม่ไหว” แล้ว

ยิ่งให้รองเลขาฯ ทำเนียบออกมาโหวกเหวกแก้ตัวแทนนาย “พล.อ.ประยุทธ์บริหารจัดการโควิดตามแผนงานที่วางไว้อย่างเป็นระบบ และปรับให้ทันตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และติดตามด้วยตัวเองผ่าน ศบค.” เช่นนี้ละก็แย่แล้ว ขยันอย่างไรไม่ได้เรื่องเพราะไร้ฝีมือ

แล้วลองหวนไปดูกันสิว่าเหตุเกิดเพราะใคร มันข้องเกี่ยวกับความชั่วของตำรวจทั้งสองครา จะตำรวจชายแดนหรือตำรวจนครบาล ไม่บังเอิญที่การคอรัปชั่นในสองหน่วยนี้ทำให้เกิดคลัสเตอร์ ความชื่อเสียโยงใยไปถึงสาย อีลีท ของทั้งสองหน่วย


ที่บทบาทโดดเด่นทางการงานก็คือ สกัดกั้น-ไล่จับ คนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางลึกของประชาธิปไตย ล่าสุดนี่ศาลอาญาให้ประกันปล่อยตัว ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบ๊งค์ คนเดียว กลุ่มราษฎร ๑๑๒ อื่นๆ อดหมด

กรณี ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และสมยศ พฤกษาเกษมสุข แม้จะเคยรับข้อแม้การประกันตัวเช่นเดียวกับหมอลำแบ๊งค์ แต่ไม่ลงลายมือชื่อในรายงานการพิจารณาคดี และไม่ยอมรับความชอบธรรมของกระบวนการพิจารณาเช่นเดียวกับอานนท์ เพ็นกวิน รุ้ง ไม้ค์ แอมมี่

และอีกหลายคนซึ่งประท้วงโดยการขอถอนทนายความแก้ต่าง ศาลอ้างว่า “ทำให้กระบวนการนัดความเกิดยากลำบาก เป็นอุปสรรคและความเสียหายต่อการพิจารณาคดี” ก็เลยยกคำร้องขอประกันตัวเสียทั้งหมดซะงั้น เหตุผลง่ายๆ “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม”

จึงยังคงรักษาไว้ซึ่งความตึงเครียดในการดำเนินคดี ที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกคุมขังทั้งที่ยังไม่เริ่มกระบวนการพิจารณา แล้วยังถูกจำกัดสิทธิต่างๆ รวมทั้งการได้พบปรึกษาทนายและญาติมิตร หลังๆ นี่เข้มงวดจัด คอยดักสกัดไม่ยอมให้ผู้ต้องขังส่งข้อความออกไปภายนอก

อีกหน่อยคงถึงขั้นไม่ยอมให้เห็นแสงเดือนแสงตะวันภายนอกด้วย เหมือนกับผู้ต้องขังหญิงข้อหา ม.๑๑๒ คนหนึ่งที่เชียงใหม่

(https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/3819258651457294, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165282217850551, https://www.thairath.co.th/news/local/2066988, https://www.matichon.co.th/politics/news_2667357 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2667352)