ตกลงที่คุยนักหนาว่าประเทศไทยจัดการปัญหาระบาดของโควิด-๑๙ ในอันดับต้นๆ ของโลกนั้น ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลแน่นอน เหตุเกิดยอดผู้ติดสูง (surges) ทีไร เป็นด้วยชะล่าเหลิงและคอรัปชั่นทั้งนั้น ตลาดกุ้งสมุทรสาครครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้สถานที่อโคจรทองหล่อ
ตัวเลขกลมหรือรีไม่สำคัญเท่าคนของรัฐเคยพูดไว้อย่างหนึ่ง บัดนี้พลิกผันหน้ามือเป็นหลังตีน “จากวันที่ ๙ เมษายนที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง ๕๕๙ คน” หลังจากเหตุการณ์คลัสเตอร์สถานบันเทิงกลางกรุงทำให้ผู้ติดเชื้อพุ่ง ๖๐๔ ราย กระจายพื้นที่ ๓๒ จังหวัด
ตัวเลขล่าสุดจริงๆ ๑๐ เมษา คนติดเพิ่มเกือบ ๘๐๐ ราย ทำให้รัฐบาลยอมให้เอกชนจัดหา ‘วัคซีนทางเลือก’ มาช่วยเสริม ทั้งที่ไม่นานมานี้ (ปลายกุมภา) รัฐมนตรีสาธารณสุขยังคุยโวอยู่เลย “ไทยมีวัคซีนในมือมากสุดในเอเซีย”
แท้จริงเป็นวัคซีนที่สั่งจองไว้ มาถึงเมื่อไหร่ไม่มีกำหนดแน่นอน แค่บอกคร่าวๆ เดือนนั้นเดือนนี้ ก่อนหน้านั้นนิดนึง (ต้นกุมภา) โฆษก ศบค.สบัดสำนวน “วัคซีนจะมาช้ามาเร็ว แทบไม่มีผลอะไร” ขอให้รักษาอนามัยป้องกันตนเป็นส่วนตัวเอาไว้
“ผมยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนแสดงเจตจำนงจะหาวัคซีนช่วยภาครัฐ ภาครัฐไม่ได้ปิดกั้นอะไรอยู่แล้ว” นี่คำพูดของผู้เป็นนาย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แต่นายกฯ เองยังสับสนเรื่องตัวเลข “เราต้องฉีดวัคซีนให้กับคนทั้งประเทศ ๔๐ ล้านคน แต่หาวัคซีนมาได้ ๓๕ ล้าน”
เฮ้ย ใช่เหรอ วัคซีนที่มีเข้ามาแค่ของจีน ‘ซิโนแว็ค’ เท่านั้นนี่ ยี่ห้ออื่นๆ ที่พวกเชื้อพระวงศ์และระดับ ‘ชั้นสูง’ ฉีดกันไม่กี่คนเท่านั้น อนุทิน ชาญวีรกูล ป่าวร้องวันนี้ (๑๐ เมษษ) ว่าซิโนแว็คล็อตที่สามมาแล้ว ๑ ล้าน แต่สองล็อตก่อนแค่ ๒ แสนกับ ๘ แสน
ที่มีจริงๆ สำหรับประชากร ๔๐ ล้านขณะนี้แค่ ๕% นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเอาอะไรมาพูดว่า “วัคซีนที่เข้ามาขณะนี้มีแอสตร้าเซนเนก้า ๖๑ ล้านโดส” ตกคำว่า ‘จะ’ ไปละมัง ผิดพลาดคำเดียวความหมายต่างเป็นหน้ามือกับหลัง...เช่นกัน
“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ #โควิด19 ต่ำเกินไป สุดท้ายผู้ที่ต้องแบกรับความเสียหาย ๒.๕ แสนล้านบาทต่อเดือน คือประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย” ส.ส.วิโรจน์ (ก้าวไกล) ไล่เบี้ยรัฐบาลว่าชาวบ้าน “แบกหนี้จนแทบไม่ไหว” แล้ว
ยิ่งให้รองเลขาฯ ทำเนียบออกมาโหวกเหวกแก้ตัวแทนนาย “พล.อ.ประยุทธ์บริหารจัดการโควิดตามแผนงานที่วางไว้อย่างเป็นระบบ และปรับให้ทันตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และติดตามด้วยตัวเองผ่าน ศบค.” เช่นนี้ละก็แย่แล้ว ขยันอย่างไรไม่ได้เรื่องเพราะไร้ฝีมือ
แล้วลองหวนไปดูกันสิว่าเหตุเกิดเพราะใคร มันข้องเกี่ยวกับความชั่วของตำรวจทั้งสองครา จะตำรวจชายแดนหรือตำรวจนครบาล ไม่บังเอิญที่การคอรัปชั่นในสองหน่วยนี้ทำให้เกิดคลัสเตอร์ ความชื่อเสียโยงใยไปถึงสาย ‘อีลีท’ ของทั้งสองหน่วย
ที่บทบาทโดดเด่นทางการงานก็คือ ‘สกัดกั้น-ไล่จับ’ คนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางลึกของประชาธิปไตย ล่าสุดนี่ศาลอาญาให้ประกันปล่อยตัว ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบ๊งค์ คนเดียว กลุ่มราษฎร ๑๑๒ อื่นๆ อดหมด
กรณี ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และสมยศ พฤกษาเกษมสุข แม้จะเคยรับข้อแม้การประกันตัวเช่นเดียวกับหมอลำแบ๊งค์ แต่ไม่ลงลายมือชื่อในรายงานการพิจารณาคดี และไม่ยอมรับความชอบธรรมของกระบวนการพิจารณาเช่นเดียวกับอานนท์ เพ็นกวิน รุ้ง ไม้ค์ แอมมี่
และอีกหลายคนซึ่งประท้วงโดยการขอถอนทนายความแก้ต่าง ศาลอ้างว่า “ทำให้กระบวนการนัดความเกิดยากลำบาก เป็นอุปสรรคและความเสียหายต่อการพิจารณาคดี” ก็เลยยกคำร้องขอประกันตัวเสียทั้งหมดซะงั้น เหตุผลง่ายๆ “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม”
จึงยังคงรักษาไว้ซึ่งความตึงเครียดในการดำเนินคดี ที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกคุมขังทั้งที่ยังไม่เริ่มกระบวนการพิจารณา แล้วยังถูกจำกัดสิทธิต่างๆ รวมทั้งการได้พบปรึกษาทนายและญาติมิตร หลังๆ นี่เข้มงวดจัด คอยดักสกัดไม่ยอมให้ผู้ต้องขังส่งข้อความออกไปภายนอก
อีกหน่อยคงถึงขั้นไม่ยอมให้เห็นแสงเดือนแสงตะวันภายนอกด้วย เหมือนกับผู้ต้องขังหญิงข้อหา ม.๑๑๒ คนหนึ่งที่เชียงใหม่
(https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/3819258651457294, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10165282217850551, https://www.thairath.co.th/news/local/2066988, https://www.matichon.co.th/politics/news_2667357 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2667352)