วันเสาร์, เมษายน 10, 2564

โลกหน้าของผู้พิพากษาที่ตัดสินความโดยไม่ยุติธรรมคือไปเกิดเป็นเปรต - พระไตรปิฎก



Rin Thowsakul

ความยุติธรรมในมิติถัดไป
. ‘เปรตอัณฑะโต’
คติที่ไปของผู้ใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม
ท่านพระโมคคัลลานะกล่าวว่า :-
อาวุโส ! ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นกุมภัณฑเปรตชาย มีอัณฑะโตเท่าหม้อ ลอยไปในเวหาส์ เปรตนั้นแม้เมื่อเดินไปย่อมยกอัณฑะเหล่านั้นแหละขึ้นพาดบ่าเดินไป แม้เมื่อนั่งก็ย่อมนั่งบนอัณฑะเหล่านั้นแหละ ฝูงแร้งเหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น // พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงกล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า :-
ภิกษุทั้งหลาย ! ... สัตว์นั้นเคยเป็นผู้พิพากษาตัดสินคดีไม่เป็นธรรม อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ... . ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เขาหมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นแหละที่ยังเป็นส่วนเหลืออยู่.
ภิกษุทั้งหลาย ! โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะไม่ต้องอาบัติ.
บาลี มหาวิ.วิ.๑:๒๑๐:๒๙๕. #พุทธวจนะ
.....

โลกหน้าของผู้พิพากษาที่ตัดสินความโดยไม่ยุติธรรมคือไปเกิดเป็นเปรต

ผู้พิพากษาที่ตัดสินอรรถคดีที่ไม่ยุติธรรม จะไปเกิดเป็นเปรตประเภท เวมานิก
เปรต เปรตมีวิมาน และเป็นเปรตประเภท กุมภัณฑเปรต เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โต
มาก ดังปรากฏในพระสุตตันตปิฎกดังต่อไปนี้

1.เกิดเป็น เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยสุขเป็นเทวดาเฉพาะกลางวัน

แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวบทุกข์เป็นเปรตกินเนื้อของตนเอง
กูฏวินิจฉยกเปตวัตถุ
ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตผู้พิพากษาโกง

พระนารทเถระถามเปรตตนหนึ่งว่า

ตัวท่านทัดทรงดอกไม้ ใส่ชฎา สวมกำไลทอง ลูบไล้ด้วยจุรณจันทร์มีสีหน้าผ่องใส งดงามดุจสีพระอาทิตย์อุทัยขึ้นมาบนอากาศ มีนางฟ้าหมื่นหนึ่งเป็นบริวารบำรุงบำเรอท่าน นางฟ้าเหล่านั้นล้วนสวมกำไลทองนุ่งห่มผ้าอันขลิบด้วยทองคำ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพมาก มีรูปเป็นที่ให้เกิดขนชูชันแก่ผู้พบเห็น แต่ท่านจิกเนื้อที่หลังของตนกินเป็นอาหาร ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ หรือเพราะวิบากแห่งกรรมอะไร ท่านจึงจิกเนื้อหลังของตนเองกินเป็นอาหาร? เปรตนั้นตอบว่ากระผมได้ประพฤติทุจริตด้วยการส่อเสียด พูดเท็จและหลอกลวง เพื่อความฉิบหายแก่ตนในมนุษยโลก กระผมไปแล้วสู่บริษัทในมนุษยโลกนั้น เมื่อเวลาควรจะพูดความจริงปรากฏแล้ว ละเหตุละผลเสีย ประพฤติคล้อยตามอธรรม ผู้ใดประพฤติทุจริตมีคำส่อเสียดเป็นต้น ผู้นั้นต้องจิกเนื้อหลังของตนกิน เหมือนกระผมจิกเนื้อหลังของตนกินในวันนี้ ฉะนั้น ข้าแต่พระนารทะ ทุกข์ที่กระผมได้รับอยู่นี้ท่านได้เห็นเองแล้ว ชนใดเป็นคนฉลาด มีความอนุเคราะห์ ชนเหล่านั้นพึงกล่าวตักเตือนว่า ท่านอย่าพูดส่อเสียด อย่าพูดเท็จ อย่าเป็นผู้มีเนื้อหลังของตนเป็นอาหารเลย.

[พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๖]

---------------------

2.เกิดเป็นกุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่มาก

เรื่องกุมภัณฑเปรต

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ ...

ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นกุมภัณฑเปรตชาย มีอัณฑะโตเท่าหม้อ ลอยไปในเวหาส์ เปรตนั้นแม้เมื่อเดินไปย่อมยกอัณฑะเหล่านั้นแหละขึ้นพาดบ่าเดินไป แม้เมื่อนั่งก็ย่อมนั่งบนอัณฑะเหล่านั้นแหละ ฝูงแร้งเหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ...

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ... สัตว์นั้นเคยเป็นผู้พิพากษาโกงชาวบ้าน อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

[พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑]