วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 13, 2563

ใครกันแน่ 'ล้ำเส้น' ทั้งกฎหมายและมนุษยธรรม 'เยาวชนปลดแอก' หรือ ‘กษัตริย์นิยมเหี้ย ม’

มัวแต่พะวงเด็กรุ่นใหม่พูดจาไม่อยู่กับร่องรอยที่ขีดให้ ก็เลยใช้วิธีกำหราบและเฆี่ยน เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า เหตุผลเดียวเท่านั้นทำให้การปกป้องสถาบันหลักและรักษาอำนาจในมือ โหดเหี้ยมและ คุกคาม“เนื่องจากว่าเขาโกรธมาก”

ไม่ว่าโพสต์ของ รุ้ง Panusaya Sithijirawattanakul เมื่อคืนจะเป็น โวยวายไปเองหรือข้อเท็จจริงใน อาณาจักรแห่งความกลัวอย่างน้อยๆ ก็ทำให้เธอและ เพ็นกวินพริษฐ์ ชีวารัก เพื่อนร่วมการต่อสู้กับเผด็จการ อยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันนี้

เช้านี้  Sunai @sunaibkk @HRW ประสานองค์การสหประชาชาติประจำไทย เล่าแจ้งรายละเอียดทั้งการรณรงค์ของพวกเขาและการถูกทุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ จะมีการประสานงานกับองค์การโลกและนานาชาติ เปิดหน้ากากรัฐบาลไทยอย่างแน่นอน

เพราะว่าความโกรธ กริ้วนั้นมักจะก่อแรงสะท้อนกลับเสมอ #กูก็โกรธเป็นเหมือนกัน แฮ้สแท็กเขาว่า เหวี่ยงออกไปอย่างไรมันก็ส่งพลังเด้งกลับไม่ยิ่งหย่อนนักหรอก ยิ่งทำร้ายให้มลายหายก็ยิ่งจะมีตัวตายตัวแทนมาใหม่แน่นอน

ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับตัวเร่งสถานการณ์ ณ เวลานี้ดูเหมือนเร่งกันจนเกือบได้ที่แล้ว ฝ่ายหนึ่งว่า “อะไรจะเกิดมันย่อมต้องเกิด” อีกฝ่ายยังละล้าละลัง แต่ก็ ทำไงได้“อย่างไรก็ดี เมื่อพวกเขาได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว มันย้อนกลับไม่ได้ และทำให้หายไปไม่ได้” จากโพสต์ของ ยิ่งชีพ (เป๋า) @yingcheep

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อ สิ่งที่เกิดขึ้น นั้นเป็นทั้งความชอบธรรมและตรงตามข้อเท็จจริง ดังที่อาจารย์มหาวิทยาลัย ๑๔๑ คน ออกแถลงการณ์ว่าข้อเรียกร้อง ๑๐ ประการ “มิได้เป็นการละเมิดกฎหมายอาญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

...การแสดงออกครั้งนี้เป็นการแสดงออกตามครรลองของกฎหมาย บนหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย...การประณามความคิดเห็นแตกต่างว่าเป็นการก้าวล่วงหรือจาบจ้วงนั้น ไม่ได้ทำให้สังคมของเราเติบโตทางปัญญา”

นั่นคือเวลานี้สังคมต้องการอะไรอย่างที่สุด การมีกินมีใช้ ไปจนถึงเติบโตทางเศรษฐกิจมหภาค คือความจำเป็นเร่งด่วนใช่ไหม ในเมื่อสิ่งที่เกิดจากขบวนการนักเรียนนักศึกษาไม่ใช่การละเมิดกฏบัตรกฎหมายร้ายแรง ไฉนใครก็ตามต้องเอาความโกรธเป็นที่ตั้ง

เหี้ย มกว่านั้น พวกที่ใส่ไฟเพื่อโหมให้เป็นความโกรธอันหาที่สุดมิได้นั่นต่างหาก มีทั้งเจตนาเลวและประสงค์ร้ายเต็มเพียบ มีข้อคิดของปัจเจกชนคนหนึ่งเสนอไว้ทางสื่อสังคม เรื่องเหตุการณ์วันที่ ๑๐ สิงหา Kritdikorn Wongswangpanich อารัมภบทว่า

ผมเองซึ่งไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับม็อบน้องๆ เขา มีแต่เพียงใจที่ช่วยสนับสนุน” จึงอยากขอคุยกับบรรดา กษัตริย์นิยมทั้งหลาย ที่คิดว่าพวกตนได้รับความ กระทบกระเทือนจิตใจต่อ “การฉายภาพของ อ.ปวิน และ อ.สมศักดิ์ ในกรอบทอง” ซึ่งหลายคนคิดว่า มิบังควร

“บทบาทเชิงวัฒนธรรมของสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางสากลเอง ก็อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้อยู่แล้ว” เขาว่านั่นเป็นเพียง สัญญะในฐานะที่พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่ง ประมุข“อะไรกันที่ทำให้คนไทยจำนวนมากรู้สึกว่าการกระทำที่เป็นค่ามาตรฐานทั่วไปในทางวัฒนธรรมนี้ เป็นเรื่องล้ำเส้น”

เป็นเพราะ “เส้นในทางวัฒนธรรมของไทยนั้นมีปัญหา” หรือไม่ “แปลว่าเรานั้นอนุญาตให้ปริมณฑลทางอิทธิพล (Sphere of Influence) ด้านวัฒนธรรมของสถาบันการเมืองนั้นๆ ล้ำเส้นเข้ามาทำลายหลักการมาตราฐานสากลอย่างล้นเกิน

...และต้องเกิดขึ้นอย่างยาวนาน จนกลายเป็นความคุ้นชินแล้วด้วย เราจึงกลับกลายไปรู้สึกว่า ความผิดปกตินี้คือความปกติ...ไม่ใช่ภาพฉายของม็อบธรรมศาสตร์ไม่ทนหรอกครับที่ล้ำเส้นความเป็นปกติ แต่เป็นเส้นอำนาจทางจารีตดั้งเดิมต่างหากที่ล้ำเส้นวิถีการปฏิบัติอันเป็นสากลของระบอบประชาธิปไตย”

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10158480503428610&set=a.197189998609&type=3&theater, https://www.facebook.com/1533384914/posts/10223596008158295/?d=n และ https://twitter.com/sunaibkk/status/1293689774511816704)

การ ล้ำเส้น ดังกล่าว ก้ำเกินแม้กระทั่งตัวบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ (ทั้งที่ตีความให้อำนาจเจ้าหน้าที่เหนือหลักนิติธรรมและมนุษยธรรม) เมื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐออกรังควาญ ก้าวร้าว และคุกคาม บรรดาเยาวชนร่วมกิจกรรมคืนวันที่ ๑๐

นอกจากปนัสยาและพริษฐ์ที่กำลังถูกคุกคามแล้ว ยังมีอีกหลายคน เช่น เจ้าของบทความที่อ้างถึงข้างต้น และแม้แต่ “จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หนึ่งใน ๓๑ รายชื่อที่คาดว่ามีหมายจับจากการเข้าร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๘ ก.ค.

...รายงานผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า พบว่ามีรถตำรวจเฝ้าอยู่ด้านหน้าที่พัก แม้ว่าตนจะไม่ได้เข้าร่วมในการชุมนุม #ธรรมศาตร์จะไม่ทน เมื่อวันที่ ๑๐ ที่ผ่านมา” เจ้าตัวบอกขณะนี้ปลอดภัยและยืนยันจะไปร่วมชุมนุมที่ราชดำเนินวันที่ ๑๘ สิงหาแน่นอน

แสดงว่าพวกเขาเหล่านี้มีความมุ่งมั่นจะกระทำการเพื่อความถูกต้องทั้งทางมโนธรรม สิทธิมนุษยชน และความก้าวหน้าของสังคมในด้านสติปัญญาสากล ยังแต่ กษัตริย์นิยม อันเหี้ยมโหดเท่านั้นที่พยายามฉุดลงสู่ก้นบึ้งแห่งปลักโคลนตม