ใครจะเอาอะไรมายัน มั้นก็ไม่ยอมฟัง กรณีคุณสมบัติในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
ที่ขัดต่อทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งลิ่วล้อ
คสช.เขียนกันขึ้นมาเอง
เป็นพฤติกรรมของ ‘เผด็จการทหาร’ ตรงตามที่พรรคสามัญชนใช้เป็นถ้อยคำอ้างถึงในการหาเสียงอย่างชัดแจ้ง
ชนิดที่การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการงานของประยุทธ์บนหน้าเฟชบุ๊คจาก ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ ไปเป็น ‘บุคคลสาธารณะ’
ไม่ทำให้ลบล้างความผิดที่ได้กระทำสำเร็จแล้วไปได้
“ความผิดสำเร็จแล้ว ทุกฝ่าย! พรรค พปชร.
ประยุทธ์ และ กกต.” ข้อความคอมเม้นต์ของ Ghost Writer █ @RITT41
ต่อรายงานข่าวว้อยซ์ทีวี ว่าไว้ตรงเผง
ข่าวนั้นอ้างอิงความเห็นจาก สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ที่ว่าประยุทธ์ “ย่อมรู้ดี
ว่าตัวเองขาดคุณสมบัติในการที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี” เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดินตลอดช่วงเกือบ
๕ ปี ที่ผ่านมา
นอกเหนือจากประเด็นที่แจ้งยันกันไว้แล้วในหมู่ประชาชนมากมายว่า
การที่ประยุทธ์ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดินตลอดเวลาดังกล่าว
(หลายทางเสียด้วย) ย่อมย้ำถึงสถานะข้าราชการของประยุทธ์แล้ว
กระทั่งในหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดต
ซึ่งประยุทธ์ลงนามกำกับไว้ด้วยตนเอง ก็ยังเขียนว่าเป็น ‘ข้าราชการการเมือง’
การที่นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย พยายามตีความว่าไม่ใช่ โดยเลี่ยงไปว่าเป็นดั่งลูกจ้างชั่วคราว
ย่อมทำให้กฏบัตรกฎหมายที่ คสช. กำกับให้คณะกรรมการร่างไว้แล้วผ่านการอนุมัติของ
สนช. สภานิติบัญญัติซึ่ง คสช.แต่งตั้ง กลายเป็นดั่ง ‘ไม้หลักปักขี้เลน’
ไปเสียฉิบ
การบิดเบือนกฎหมายโดยพลพรรค
คสช. เช่นนั้น ได้รับการตบหน้าอย่างแรงฉาดใหญ่จากบทความหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์
‘แม่ลูกจันทร์’ เมื่อวาน (๒ มีนา) ซึ่งยืนยันเช่นกันว่าประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์
บทความยกเอาคำของนายวิษณุนั่นเองมา
‘ฉายซ้ำ’
ให้เห็นกันจังๆ ต่อหน้า ว่าเมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา วิษณุพูดออกมาจากปากตนเอง
“ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ต้องวางตัวเป็นกลางไม่ให้คุณให้โทษทางการเมือง”
พอถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม เอาอีก “ดร.วิษณุ
ยังชี้แจงเสียงดังฟังชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นข้าราชการ กฎหมายกำหนดให้วางตัวเป็นกลาง”
อย่างนี้แล้วการมาเปลี่ยนคำพูดโดยอ้างคำวินิจฉัยของ ปปช. เมื่อปี ๒๕๕๗
ที่ว่า “ตำแหน่ง คสช. ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ...แต่มีสถานะเป็นองค์กรชั่วคราว
จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน” จึงเป็นการตะแบงมาร บิดเบี้ยวกฎหมายให้เป็นประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง
ไม่เพียงต้องให้คณะกรรมการเลือกตั้งทำเรื่องเสนอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเท่านั้น
ควรต้องยื่นคำร้องฟ้องว่ากระทำความผิดในตำแหน่งหน้าที่ทั้งในฐานะข้าราชการและนักการเมืองเสียด้วย