วันเสาร์, มีนาคม 30, 2562

ดูวิธีคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อพึงได้รับ กันชัด ๆ





เหตุผลสำคัญ ที่การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อของ พรรคเล็กๆ ที่ได้คะแนนพรรคน้อยกว่า 71,064 เสียง นั้นไม่ได้ สส บัญชีรายชื่อเลย
เช่นพรรคลุงไพบูลย์ ทำไมจึงไม่ได้ สส บัญชีรายชื่อ

พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 วรรคสุดท้าย
เรื่องการคำนวณสสบัญชีรายชื่อ

"จำนวน สส บัญชีรายชื่อที่คำนวณให้แต่ละพรรคได้ จะต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดได้ สส ทั้งหมดเกิน จำนวน สส พึงมี"

สมมุติพรรคเล็กๆ เช่น พรรคของลุงไพบูลย์ ได้คะแนนดิบ 45,508 คะแนน

สส พึงมีที่พรรคของลุงไพบูลย์จะได้คือ 45,508/71,065 = 0.6404

ดังนั้นถ้าพรรคลุงไพบูลย์ (ซึ่งสอบตก สส เขต) ได้ 1 สส บัญชีรายชื่อ จะเกิน สส พึงมีของพรรคลุงไพบูลย์ที่ 0.6404 ซึ่งขัดกับ พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 วรรคสุดท้าย

ดังนั้นแล้วการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ จึงตัดพรรคที่ได้คะแนนน้อยกว่า 71,065 ออกทุกพรรค
หรือ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดขั้นตำ่จำนวน สสบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคไว้แล้วว่าไม่เกิน ค่า สส.พึงมี
_______________________________________________________

คำถามที่สอง การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก ทุกพรรคการเมืองจะได้ สส บัญชีรายชื่อเป็นจำนวนที่มีทศนิยม ทุกพรรคการเมือง เหตุใดจึงไม่ปัดเศษขึ้นหรือปัดเศษลง

คำตอบ
พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ4 ระบุว่า

"ให้จัดสรร สส บัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองตามผลลัพธ์เป็นจํานวนเต็มก่อน"

ทั้งนี้จำนวนเต็ม มีความหมายตามหลักคณิตศาสตร์ คือจำนวนที่ไม่มีเศษ ไม่มีทศนิยม และรวมจำนวนเต็มศูนย์ด้วย

ดังนั้น การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก จึงคิดเฉพาะจำนวนเต็ม โดยไม่ได้ระบุว่าให้ปัดเศษ แต่อย่างใด

จึงถือว่า คำว่า "ให้คิดเฉพาะจำนวนเต็ม หมายรวมถึงไม่คิดค่าทศนิยมใดๆ"

เช่น พรรคพลังท้องถิ่นไท ได้ ค่า สส พึงมี 2.990 และไม่มี สส เขต
ดังนั้น จำนวน สส.บัญชีรายชื่อที่ควรได้คือ 2.990
และเมื่อนำมาคิดเฉพาะจำนวนเต็ม (หมายรวมถึงการตัดเลขหลังทศนิยมทิ้ง)

จำนวนเต็ม สสบัญชีรายชื่อของพรรคพลังท้องถิ่นไท = 2 สส เท่านั้น
__________________________________________________________________________
คำถามที่สาม
เมื่อคำนวณ สส บัญชีรายชื่อรอบแรกซึ่งได้ 152 (คือคิดเฉพาะจำนวนเต็ม) ซึ่งเกิน 150
กฎหมายกำหนดให้ไป คำนวณตาม มาตรา 128 ข้อ 7 (คำนวณ overhang)

ในการคำนวณรอบที่สอง overhang ใหม่นี้
จะใช้เลขจำนวนเต็ม ของ สส บัญชีรายชื่อรอบแรก
หรือจะใช้เลขที่มีเศษด้วยที่ได้จากผลลัพท์ของ สส พึงมี เป็นตัวตั้งต้น ?

ตอบ
ตาม พรบ ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ข้อ 7
เรื่องวิธีการ คำนวณ สส บัญชีรายชื่อ กรณีได้จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ รวมมากกว่า 150 ระบุว่า

"ให้คํานวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรรจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน"
"โดยให้นําจํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ คูณด้วย150 หารด้วย จำนวน สส บัญชีรายชื่อที่คำนวณในรอบแรกแล้วเกิน"

การตอบคำถามนี้ จึงอยู่ที่คำว่า "จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ"
ที่จะเอามาคำนวณสัดส่วนใหม่นี้ เป็นเลขจำนวนเต็ม(ตัดทศนิยมทิ้ง) หรือเลขที่มีทศนิยมร่วมด้วย

ในมาตรา 128 ปรากฎคำศัพท์สองคำ ที่แตกต่างกัน คือ คำว่า เบื้องต้น และ ไม่มีคำว่าเบื้องต้น
"จํานวนสสบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ เบื้องต้น"
- ปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสาม คือ
ผลลัพธ์ของ จํานวนสส พึงมี (ค่าที่มีเลขทศนิยม) ลบด้วยจํานวน สส เขต = จำนวนที่มีเลขทศนิยมรวมอยู่ด้วย

และ
"จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ"
- ปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสี่ คือ
จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ มาจากการจัดสรรให้พรรคการเมืองตามผลลัพธ์เป็นจํานวนเต็ม

ดังนั้น มาตรา 128 ข้อ 7 เรื่องวิธีการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อมากกว่า 150 คน
โดยใช้คำว่า จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ (ไม่มีคำว่าเบื้องต้น) จึงย่อมหมายถึง จำนวนเต็ม สสบัญชีรายชื่อ ที่ตัดทศนิยมทิ้งตาม มาตรา 128 ข้อสี่

"สรุปว่า การคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ overhang รอบสอง จึงใช้เลขจำนวนเต็ม ไม่มีทศนิยม เพราะ มาตรา 128 ข้อ 7 ระบุว่าให้ใช้ จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ (ไม่มีคำว่าเบื้องต้น) ซึ่งคำดังกล่าวปรากฎใน มาตรา 128 ข้อสี่ ซึ่งระบุที่มาว่า คิดเฉพาะจำนวนเต็ม"

_____________________________________________________
คำถามที่สี่

ทำไมการคำนวณ สส บัญชีรายชื่อ รอบสอง overhang พรรคอนาคตใหม่ และ พรรคปชป จึงเป็นสองพรรคเท่านั้นที่ไม่ถูกปัดเศษขึ้น?

การคำนวณรอบที่สองคือเอา จำนวนเต็ม จํานวน สส บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับ x150/152 ค่าที่ได้จะเป็นจำนวนที่มีเลขทศนิยม

แล้วคราวนี้ ในการคำนวณของ มาตรา 128 ข้อ 7 ระบุว่าให้ไปใช้หลักการของ มาตรา 128 ข้อ 4 โดยอนุโลมได้ นั่นคือ คิดจำนวนเต็มของการคำนวณรอบที่สองก่อน ปรากฎว่าได้แค่ 138 ที่นั่ง

ต่อมา มาตรา 128 ข้อ 4 ระบุว่า ถ้าคำนวณแล้ว ได้ สสบัญชีรายชื่อน้อยกว่า 150 ให้ค่อยๆ ปัดเศษ (ครั้งแรกที่ระบุว่า เศษทศนิยมถูกนำมาคำนวณ) ที่มากที่สุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนครบ 150 ที่นั่ง

ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมการคำนวณรอบสอง overhang พรรคอนาคตใหม่ ที่ีมีเศษ 0.23 และ พรรคปชป ที่มีเศษ 0.71 ซึ่งเป็นเศษที่น้อยที่สุด ไม่ถูกปัดขึ้น เพราะ เศษที่มากกว่าของพรรคอื่นถูกปัดขึ้นจนครบ 150 ที่นั่งแล้ว

ขอบคุณครับ


Max Tanasarn





สรุป ใช้ข้อมูลตามที่ กกต ประกาศบนเว็บไซด์ 28/3/62
ไม่ได้ใช้ข้อมูลจากการแถลงข่าว/เอกสารที่ กกต แจกนักข่าว เพราะตัวเลขไม่ตรงกัน

Max Tanasarn