#โป๊ะแตก แหลกราญแล้ว กกต.วันนี้
วันที่ทนแรงดันจากประชาชนให้เปิดผลนับคะแนนเลือกตั้งทั้งหมดไม่ไหว จำใจยอมแถลงเบื้องต้น
‘ไม่เป็นทางการ’ ครั้งที่สองเมื่อศุกร์ที่
๒๘ มีนา แต่กระนั้นก็ยังขี้ไม่สุดตามเคย
นอกจากไม่ยอมเผยจำนวนที่นั่งในสภาฯ
ที่แต่ละพรรคได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับจำนวนคะแนนเสียง
เนื่องจากผู้สมัครที่ชนะเลือกตั้งแต่ละเขตคะแนนไม่เท่ากัน
ใครได้มากจะไปเสริมการคำนวณที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ
แล้วยังแสดงตัวเลขที่ไม่ต้องตรงกับความเป็นจริง
ดังประเด็นจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ต่างกัน บัตรมากกว่าคน ๙ ใบ
แสดงว่ามีบางคนหย่อนบัตรมากกว่า ๑ ใบ (นี่ว่าด้วยมาตรฐานกฎหมายที่ถือว่าผู้ต้องหา
คือ กกต.บริสุทธิ์ไว้ก่อน) หรือมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว และเด็กเล็ก เด็กแรกเกิด
ไปหย่อนบัตรกันพร้อมหน้า
จึงเป็นประวัติศาสตร์ของการเลือกตั้งในประเทศไทย
ที่เกิดนวรรตกรรมใหม่ตามการชี้แจงแก้ตัวของ กกต. เป็นปรากฏการณ์ ‘บัตรเขย่ง’ ที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา
อธิบายว่าเกิดจากการที่มีผู้ไปแจ้งสิทธิเพื่อเลือกตั้งแล้วยืนรอคิวนานไป
ไม่มีน้ำอดน้ำทนเลยกลับบ้าน หรืออาจมีเหตุกระทันหันไม่สามารถรอจนถึงเวลาหย่อนบัตรได้
แต่ว่ามีประชากรไม่งั่งเขาถาม “อะไรของมึงเนี่ย”
ก็เวลาไปลงคะแนนเลือกตั้งที่เขตน่ะ ตอนรอคิวยังไม่ได้บัตรกัน
พอถึงคิวเจ้าหน้าที่ฉีกบัตรส่งให้คนพับ “พับเสร็จยื่นให้เราเข้าไปกาในคูหาเลย” @KillerPress ตั้งข้อสงสัยว่ามันจะเขย่งได้อย่างไร
เอาละ อุตส่าห์แถกสีข้างอย่างนั้นก็ยอมรับ
แค่ ๙ ใบ ถือว่าเลขสวยตามที่มีพระบรมราชโองการก่อนวันลงคะแนนคืนหมาหอน ว่าให้ประชาชนออกไปเลือกตั้งกันตามพระราชปณิธานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๙ แต่ว่าก็ยังมีข้อกังขาอีกเยอะ
ไหนจะเรื่องตัวเลข ที่คุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ ทวี้ตว่า หลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อ ๒๔ มีนา
กกต.แจ้งผลไม่ทางการครั้งแรกเมื่อตอนสามทุ่มครึ่ง ว่ามีผู้ไปใช้สิทธิ์ ๓๓,๗๗๕,๒๓๐
คน เท่ากับร้อยละ ๖๕.๙๖ แต่มาวันนี้ เมื่อบ่ายสองโมง ๕๐ นาฑี
กกต.แถลงผลคะแนนครั้งที่สอง
มีผู้ไปใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นเป็น ๓๘,๒๖๘,๓๗๕
คน หรือเท่ากับ ๗๔.๖๙% ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด
๕๑,๒๓๙,๖๓๘ คน คุณหญิงเพื่อไทยถามว่า “๔ วันมี #บัตรเกิดใหม่ในหีบ
๔,๔๙๓,๑๔๕ ใบ #แบบนี้ก็ได้เหรอคะ
#ThailandOnly”
จำกันได้ใช่ไหมว่าตอน
กกต.แถลงครั้งแรกนั่นบอกจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคด้วย ตัวเลขอื่นๆ ถึงจะสับสนหน่อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับจำนวนเปอร์เซ็นต์ของผลคะแนน
เดี๋ยว ๙๓% เดี๋ยวแค่ ๙๐% แล้วมาสุดที่ ๙๕% นั้น
กกต.โทษสื่อว่าโยกไปโยกมากันเอง
แต่พวกนักข่าวเถียงว่า ก็เราดูตามบอร์ดแจ้งของ
กกต.ทั้งนั้น เลขมันสับสนแบบที่นาย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แย้ปพรรคอื่นๆ ละมัง “พรรคที่บอกว่าได้เท่านั้นเท่านี้ จริงๆ
ไม่รู้ได้เท่าไหร่ เพราะตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน” (จาก วีรนันต์ กัณหา @weeranan)
ลองเอาข้อมูลมายันดูสิว่าใครมั่วกันแน่
เมื่อ ๒๔ มี.ค. ๖๒ เวลา ๒๑.๑๒ น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
แถลงว่าภาพรวมในการจัดเลือกตั้งเป็นไปด้วยดี คิดคะแนนไม่ทางการแล้ว ๙๐% มีผู้ไปใช้สิทธิ์ ๓๒,๙๕๔,๘๕๖ ราย
ตอนนั้นมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด
๕๑,๒๐๕,๖๒๔ คน (ตอนนี้ ๒๘ มี.ค. มี ๕๑,๒๓๙,๖๓๘ คน) ตามนี้แสดงว่า ช่วงสี่วันนับแต่แถลงครั้งแรกถึงครั้งที่สอง
ตัวเลขเปลี่ยนได้จริงอย่างเลขาฯ พปชร. ว่า ผู้มีสิทธิเพิ่มขึ้นถึง ๓๔,๐๑๔ คน
อ๊ะ
จำนวนผู้มีสิทธิ์นี่เพิ่มหลังเลือกตั้งได้ด้วย ไม่เท่านั้น ย้อนไปดูตัวเลขที่พรรคการเมืองต่างๆ
ได้รับ เปรียบเทียบระหว่างกันจากการแถลงของ กกต. ครั้งแรกกับครั้งสอง พลังประชารัฐได้คะแนนเพิ่มขึ้น
๔๙๔,๒๐๐ คะแนน เพื่อไทยได้เพิ่ม ๔๙๘,๐๓๐ คะแนน อนาคตใหม่ได้อีก ๓๙๕,๘๕๗ คะแนน
นั่นไม่เป็นปัญหาจนกว่าจะได้ดูคะแนนรวมทั้งหมดทุกพรรค
รวมบัตรเสียและบัตรไม่เลือกผู้ใด ซึ่งแม้แต่ในการแถลงครั้งเดียวกัน
จำนวนบัตรก็ยังมากกว่าผู้ลงคะแนน ๒ ใบ (๓๘,๒๖๘,๓๖๖ กับ ๓๘,๒๖๘,๓๖๔) ที่ กตต.
ยังไม่ได้ชี้แจง
ครั้นเปรียบเทียบตัวเลขผู้ไปออกเสียงเลือกตั้งระหว่างจำนวนที่
กกต.แถลงเมื่อนับคะแนน ๙๕% กับที่บอกว่านับเต็มร้อย
คือ ๓๒,๙๕๔,๘๕๖ กับ ๓๘,๒๖๘,๓๗๕ แสดงจำนวนคะแนนเสียงที่ กกต.อุบไว้ไม่แจ้งอีก ๕
เปอร์เซ็นต์ในครั้งก่อนนั้นประมาณ ๕ ล้านกว่า เท่ากับอัตราเพิ่มที่ ๑๔ เปอร์เซ็นต์
เช่นนี้จัดว่าตัวเลขที่
กกต.แถลงสองครั้งไม่เข้าทำนองความถูกต้องอย่างโจ่งแจ้ง
ในเมื่อเหลือคะแนนที่ต้องแจ้งเพิ่ม ๕ เปอร์เซ็นต์ พอแจ้งแล้วกลับมีคะแนนเพิ่ม ๑๔
เปอร์เซ็นต์ กกต.ต้องอธิบายให้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ จึงจะถือได้ว่าไม่มีการโกงเกิดขึ้น
อย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสงว่า “ยังหาเหตุผลไม่เจอว่าทำไมกกต.ไม่ประกาศผลการนับคะแนนของผู้สมัครทุกคนในแต่ละเขต
ซึ่งขณะนี้ก็มีอยู่แล้ว เมื่อยังต้องรอใบเหลืองใบส้มใบแดง
จะประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการก่อนก็เข้าใจได้
แต่ไม่ประกาศคะแนนของใครแม้แต่คนเดียวนี่ไม่เข้าใจจริงๆ #กกต.ไม่โปร่งใส”
ทางหนึ่งที่
กกต.จะผ่อนผันความอัปยศอดสูของตนเองได้ ดังที่มีการเสนอแนะไว้บนหน้าทวิตเตอร์ “ก่อนจะเลือกตั้งซ่อม
กกต.ต้องเอาบัตรที่พิมพ์เกิน ๕ ล้านใบ มาแสดงต่อสาธารณชน
ว่าเป็นบัตรสะอาดไม่มีรอยกากบาทหรือรอยขีดฆ่า ใดๆ” (@RITT41 Replying to @galamachon)
มิฉะนั้น กกต.ชุดนี้ควรต้องถูกดำเนินคดี
และติดคุก ๒ ปีเหมือนที่ชุดของวาสนา เพิ่มลาภ เคยโดน เพียงเพราะตั้งกล่องลงคะแนนหันหลังออกนอกคูหา
จนมีตากล้องสามารถถ่ายภาพบัตรคะแนนได้