วันอาทิตย์, มีนาคม 31, 2562

รู้กันทั้งโลก ฮุนต้าไทย 'โกงไม่เนียน' "บัตรงอก ออกลูกออกหลานจากปาก กกต.เองถึง ๑.๘ ล้านใบ"


ดิ เอ็คคอนอมิสต์ ว่าไว้ตรงเผง ฮุนต้าประเทศไทยโกงเลือกตั้งมาได้ แต่ไม่เนียน ‘ineptly rigged election’ ดังที่ อจ.โสรัจจ์ หงส์ลดารมย์ ชี้ “จะโกงเลือกตั้งทั้งที ก็โกงแบบไร้ความสามารถ”


ทุกวันตั้งแต่ปิดหีบบัตรเมื่อเย็นวันที่ ๒๔ มีนา มีแต่กลิ่นเน่าหึ่งร้ายยิ่งกว่าควันพิษที่เชียงใหม่ เหมือนเปิดกระป๋องแล้วมีหนอนคลานกันออกมายั๊วเยี๊ย จึงควรที่วิญญูชนทั้งหลายโหมสนับสนุนการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อปลด กกต.ชุดนี้กัน

เนื่องเพราะ กกต.จะต้องอยู่ต่อไปอีกหลายปีหลังจากท้ายที่สุดแล้วได้รัฐบาลใหม่ แม้อาจจะเป็นนายกฯ คนเดิม และรัฐมนตรีหลายคนมาจากชุดที่ คสช.ตั้ง แต่ความประพฤติแบบที่ กกต.ชุดนี้เป็นจะเรื้อรังไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
 
การล่ารายชื่อของเหล่านักศึกษา (เช่นที่ ม.เชียงใหม่) เพื่อจะนำไปใช้ร้องเรียนหลังจากที่มีการตั้งรัฐบาลแล้ว จึงไม่มีผลกระทบให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ อันจะทำให้ คสช.สามารถอยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ

นี่ก็ผ่านมาสองวันหลังจาก กกต.ยอมเปิดผลการนับคะแนนครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ประชาชนได้พบกับตัวเลขไม่สมเหตุสมผล จำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเพิ่มขึ้น (ได้อย่างไร) คะแนนเสียงเพิ่มมากกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.

เพื่อที่จะใช้อ้างคะแนน ป็อปปูลาร์โหวตเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับกลุ่มพรรคการมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ประกาศสัตยาบันมัดหวายรวมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป แม้นว่า กกต.ยังคงเม้มผลการคำนวณที่นั่งของพรรคการเมืองต่างๆ ไว้

ทว่าคอยไล่แก้ตัวในความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับตัวเลขผลเลือกตั้ง ดังเช่น กกต.ตอบข้อกังขาเรื่องจำนวนบัตรที่นำมานับคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ถึง ๔.๕ ล้านใบ ว่ามาจากการเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในและต่างประเทศ

แต่กระนั้นจำนวนบัตรเลือกตั้งในต่างประเทศที่ กกต.อ้าง ก็ยังเกินจำนวนจริงที่ กกต.ประกาศเองก่อนหน้านั้น ๔.๕ ล้านใบ กับ ๒.๗ ล้านใบ นั้นเท่ากับมีบัตรงอก ออกลูกออกหลานจากปาก กกต.เองถึง ๑.๘ ล้านใบ

ยังมีข้อมูลใหม่ๆ ที่เป็นการได้เปรียบของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล คสช. เช่นการเกลี่ยเฉลี่ยจำนวน ส.ส.ให้แก่พรรคเล็กพรรคน้อย อย่างไม่เที่ยงธรรม ในเมื่อมีพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.รายละ ๑ คนเกิดใหม่ถึง ๑๒ ที่นั่ง ทั้งที่คะแนนของแต่ละพรรคต่างกันลิบลับ

พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มนี้คือ พลังปวงชนไทย ซึ่งไปร่วมลงนามสัตยาบันกับกลุ่มประชาธิปไตย ได้ ๘๑,๗๓๓ คะแนน ขณะที่พรรคไทรักธรรมซึ่งได้คะแนนเพียง ๓๓,๗๔๘ ก็ได้ ส.ส. ๑ คนเท่ากัน
 
รวมทั้งพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็ได้คะแนนเพียง ๔๕,๕๐๘ เกินครึ่งของพรรคคะแนนสูงสุดนิดเดียว จึงทำให้ความเห็นของผู้ใช้นาม ‘Mr.Joe @djjoekiss’ น่ารับฟัง

ที่ว่าคะแนนควรต้องได้ ๗ หมื่นขึ้นไป จึงจะได้ ส.ส. ๑ คน “การเกลี่ยคะแนนให้พรรคเล็กๆ ที่คะแนนไม่ถึง ๗ หมื่น เช่นได้หมื่นกว่า (หรือแค่ ๓ หมื่นกว่า) ก็ฟลุ๊คได้ ส.ส. เป็นการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”

ขัดแต่ เจตนารธน.แค่นั้นไม่พอ ขัดแข้งขัดขาพรรคการเมืองที่เขาได้รับคะแนนนิยมแท้จริงมากกว่านั่นสิ ชั่วช้าเกิน วิชามาร