เบื้องต้นไม่ทางการ 'พลังประชารัฐ' แถกมาด้านๆ บางแห่งผู้สมัครคะแนนมากกว่าผู้มีสิทธิ์

เบื้องต้นผลเลือกตั้งไม่ทางการ พลังประชารัฐแถกมาด้านๆ ตามด้วยเพื่อไทย และอนาคตใหม่ งามหน้าที่สุด กกต. บัตรเสีย บัตรหาย บัตรเกิน บางแห่ง พปชร.ได้คะแนนมากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์

จากการเปิดเผยผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการ วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ เมื่อเวลาราวสามทุ่มกว่าในประเทศไทย คณะกรรมการเลือกตั้งแจ้งว่าได้มีการนับคะแนนไปแล้ว ๘๙ เปอร์เซ็นต์ สรุปได้ว่า

#พลังประชารัฐ อันดับ ๑ ได้ ๗ ล้านคะแนน, อันดับ ๒ #เพื่อไทย ๖.๖ ล้านคะแนน, อันดับ ๓ #อนาคตใหม่ ๔.๗ ล้านคะแนน, อันดับ ๔ #ภูมิใจไทย ๓ ล้านคะแนน, อันดับ ๕ #ประชาธิปัตย์ ๒.๙ ล้านคะแนน

จากที่ว่าผลการนับคะแนนแล้ว ๘๙ เปอร์เซ็นต์นี้ มีผู้ไปใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น ๓๒ ล้าน ๖ แสน ๓ หมื่น ๕ พันกว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด ๕๐,๖๕๕,๒๕๘ คน โดยระบุว่ามีบัตรเสียจำนวน ๑ ล้าน ๘ แสน ๔ หมื่นกว่าใบ

อย่างไรก็ดีรายงานส่วนบุคคลของนักข่าวสำนักต่างๆ รวมทั้งสำนักข่าวบางแห่ง ก่อนหน้านั้นราวครึ่งชั่วโมงถึง ๑ ชัวโมง ยังปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้อันดับหนึ่ง ตามด้วยพรรคพลังประชารัฐและอนาคตใหม่ เช่นเมื่อราวสองทุ่ม

@MthaiNews เผยคะแนนตอนนั้น พรรคเพื่อไทยอันดับหนึ่งที่ ๒,๕๗๘,๖๔๔ คะแนน ตามด้วยพลังประชารัฐ ที่ ๒,๔๗๕,๘๐๒ โดยมีอนาคตใหม่มาที่สาม ๑,๓๗๒,๙๓๒ คะแนน ส่วน @brian_the_lover บอกว่า

 

“ดูผลอย่างไม่เป็นทางการแล้วใจคอตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ตอนแรก พท. นำอยู่ ๑๕๒ ตอนนี้เหลือ ๑๔๘” ขณะที่ @PeeraphatB ชี้ไว้ตอน ๑๕ นาฑีก่อนนั้นว่า “เพื่อไทยนอนมา แต่บางพื้นที่ก็ต้องถือว่าถูกแย่งไป

อนาคตใหม่ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุด ประชาธิปัตย์ถือว่าสอบตกโดนสิ้นเชิง พลังประชารัฐ มาแบบน่าแปลกใจ (ความคิดส่วนตัว)”

ลูกสาวแม่ค้า @tomkam โพสต์ภาพผลการนับคะแนนเขตหนึ่งว่า “ปัตตานี โหดสัสรัสเซีย” ที่ผู้สมัครหมายเลข ๑๗ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนเสียงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เท่านั้นในกรุงเทพฯ ตอนนับคะแนนไปแล้ว ๘๙ เปอร์เซ็นต์

 

เมื่อเวลา ๒๐.๕๓ น. ‘MThai‏ @mthai’ รายงานว่า พปชร. ได้อันดับหนึ่ง ๗๐๙,๓๔๘ คะแนน และที่สอง อนค. ได้ ๖๙๔,๙๗๔ คะแนน ขณะเพื่อไทยได้อันดับสาม ๕๔๙,๐๖๔ คะแนน แต่ประชาธิปัตย์ตกไปอันดับสี่ ๔๑๖,๖๙๐ คะแนน

ย้ำอีกครั้งว่าคะแนนต่างๆ เหล่านั้นเป็นเพียงเบื้องต้น ไม่เป็นทางการ ต้องรอ กกต.ประกาศผลสุดท้ายภายใน ๖๐ วัน เสียก่อน ซึ่งจากการที่พรรคพลังประชารัฐสามารถแถก ‘มาวิน’ อย่างน่าสงสัยของฝ่ายประชาธิปไตยเช่นนี้ กกต.อาจเร่งประกาศผลไวขึ้นก็ได้

บรรยากาศทั่วไปของการเลือกตั้งมีเหตุ ‘irregularities’ ไม่ชอบมาพากลมากพอสมควร ดังที่สำนักข่าวฝรั่งบางแห่งคาดหมายไว้ มติชนสุดสัปดาห์รายงานถึงการเสนอข่าวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า “ที่หน่วยเลือกตั้ง ที่ ๓๓-๓๔ เขตพญาไท กรุงเทพฯ

 

โดยในเขตนี้ มีพลทหารจำนวนมากกำลังต่อคิวเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง...ปรากฎว่า มีทหาร ๑ นาย เดินเข้าไปชะโงกดูตอนที่พลทหารหลายนายกำลังกาบัตรในคูหา ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจผิดกฎหมายเลือกตั้ง”

ผลการเลือกตั้งของเขต ๒ สุโขทัย ออกมาประหลาดอย่างหาที่ติมิได้ นับคะแนนแล้ว ๑๐๐% ไม่มีบัตรเสียเลยสักใบ ผู้มาใช้สิทธิ์ ๓๔๔,๗๑๔ ราย (ซึ่ง กกต.จังหวัดระบุว่าเท่ากับ ๒๑๘% ของผู้มีสิทธิออกเสียงราว ๒ แสนคน)

แน่นอนว่าผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐในเขตนั้นชนะไปขาดลอย ด้วยคะแนน ๓ แสนกว่า มากกว่าจำนวนผู้มิสิทธิ์เลือกตั้งเสียอีก จึงเป็นที่สงสัยและตั้งข้อกังขากันว่า บัตรเลือกตั้งที่ กกต.สั่งพิมพ์เกินไว้กว่า ๕ ล้านใบ ถึงเวลานี้อยู่ที่ไหน

 

ทางด้าน ‘ittipat pinrarod‏ @ittipatNationTV’ เล่าถึงการนับคะแนนที่เขตบึงกุ่ม พปชร.คะแนนนำจนน่าสงสัย โฆษกพรรคอนาคตใหม่ของให้นับใหม่ พบว่า “รอบ ๒ บัตรเกิน​ กกต.กทม.บอกว่า​จะตรวจสอบข้อเท็จจริง​ หากเกินจริง​จะต้องลงคะแนนใหม่”

แต่ที่หน่วยเลือกตั้งที่ ๔๔ เขต ๗ กทม. ‘AnnTPBS @TpbsAnn’ แจ้งเมื่อเวลา ๑๗.๕๘ น.ว่า “มีผู้กากบาททับเบอร์ผู้สมัคร กรรมการ กกต.พิจารณาชี้ให้ดูที่เจตนา จึงเป็นบัตรดี นับคะแนนให้เบอร์ ๔ พรรคพลังประชารัฐ”

เสียงบ่นกันขรมออนไลน์ “เหนื่อยใจกับ กกต.ชุดนี้” โดยเฉพาะกับกรณีที่บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์จำนวน ๑,๕๐๐ ใบ ไปถึงเขตเลือกตั้งไม่ทันปิดคูหา พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. ตัวดีชี้ว่า

 

“เบื้องต้นจะถือเป็นบัตรเสียทั้งหมด และจะรายงานให้กกต.พิจารณาในวันที่ ๒๕ มี.ค.” นั่นจึงเป็นส่วนหนึ่งของตัวเลขบัตรเสียทั้งหมดเกือบสองล้านใบ ทั้งๆ ที่ในกรณีนิวซีแลนด์นั้น กกต.อ้าง “คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนเครื่อง เพราะความจริงต้องส่งมาถึงภายในค่ำวันที่ ๒๓ มี.ค.ที่ผ่านมา”

เอ๊ะ เรื่องแบบนี้ระบบราชการที่ไหนเขาต้องเตรียมการเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้แล้วมิใช่หรือ แต่ กกต.ไทยนี่ทำงานกันตามยถากรรมกระนั้นสิ ในรายละเอียดก็คือบัตรจำนวนดังกล่าวไปถึงประเทศไทยตอนเช้าวันที่ ๒๔ มีนา ปัญหาอยู่ที่ กกต.ไม่สามารถกระจายไปลงพื้นที่ตามเขตเลือกตั้งได้ทันนั่นเอง

ทั้งหมดทั้งมวลที่ปรากฏออกมาแล้วนี้ ชี้ชัดไม่มากก็น้อยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้บริสุทธิ์ยุติธรรม ตามครรลองอันควร ถึงไม่มากก็ไม่น้อย