ถึงจะเป็นเช่น การดี ศรีสุเมธ ว่า “เสนาธิการที่ปรึกษาที่ร่างให้แก...กลุ่มนี้มีแนวคิดเสรีประชาธิปไตยพอควร” เปเปอร์โอดครวญของ ‘เฮียป้อม’ ไม่ได้ทำให้ความหวังบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปยังความหมายจริงจังของ ‘ประชาธิปไตย’
นั่นคือนอกจาก ‘เสรี’ แล้วยังต้อง ‘เท่าเทียม’ ด้วย ‘เปเปอร์’ ฉบับที่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เซ็นกำกับว่า “ผ่านการตรวจทานจากผมแล้ว และผมขอรับผิดชอบทุกตัวอักษร” อย่างดี ‘ซี-พลัส’ เพราะข้อสรุป ‘synopsis’ ไม่สัมฤทธิ์ผล ดังตัวอย่าง
ประโยคที่ว่า “ต้นตอของปัญหาที่สร้างความขัดแย้ง ขยายเป็นความแตกแยกระหว่าง ‘ฝ่ายอำนาจนิยม’ กับ ‘ฝ่ายเสรีนิยม’ ที่หาจุดลงตัวร่วมกันไม่ได้” มิใช่ข้อสรุป แต่มันเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งสองสิ่งตรงข้ามกันย่อมร่วมกันไม่ได้
และประโยคต่อไป “เพราะพยายามหาทางให้ ‘ฝ่ายตัวเอง’ ชนะอย่างเด็ดขาด-ทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นสูญ” นี่ก็ไม่ใช่ข้อสรุปที่ถูกต้อง เนื่องจากผู้ที่ห้ำหั่นฝ่ายตรงข้ามมีแต่ฟากอำนาจนิยมเท่านั้น พวกเสรีนิยมมักจะประนีประนอม และหน่อมแน้มอยู่เสมอ
หากมองอย่าง พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ก็ต้องว่างานนี้โดนป้อมสับขาหลอก “ประยุทธ์กับประวิตรเป็นคู่แฝดเหมือนถนอม-ประภาส” เขาว่า “บางครั้งเหมือนแยกกันเดิน แต่ความจริงขาดกันและกันไม่ได้ ประยุทธ์ขาดประวิตรก็ขาลอย
ประวิตรขาดประยุทธ์ก็ขาดพระเครื่องคุ้มกัน เรื่อง ‘ประวิตรลอยแพประยุทธ์’ จึงเป็นนิทานโกหก...หลายคนเพ้อฝันว่าประวิตรคือ ‘ตั๋วกลับบ้าน’ แบบเท่ๆ ของทักษิณ” พิชิตคิดว่า การแก้ตัวเรื่องปี ๕๓ และรัฐประหาร ๕๗ นั้นคือการฟอกขาว
อีกคน ‘ต้นกล้า’ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ (พรรคก้าวไกล) ก็คิดอย่างนั้น เขาบอก “พยายามเล่าประสบการณ์มายืดยาวว่าตัวเองเปลี่ยนความคิดไปยังไงบ้าง จะกลับมาหนทางประชาธิปไตยแล้วอย่างนั้นอย่างนี้ คุณยังไม่ได้ขอโทษประชาชนเลย”
แต่มีคนดังบนจอสองรายโดดงับเปเปอร์ฉบับนั้นทันที คือ ‘อั๋น’ ภูวนาท คุนผลิน กับ ‘แขก คำผกา’ ลักขณา ปันวิชัย รายแรกว่า “เจ๋งมาก ปฏิวัติไม่ใช่คำตอบ ไม่ต้องถามว่าเขายังรักกันดีแค่ไหน” รายหลังบอกนี่ “เป็นช่วงเวลาดีที่สุด ในรอบ ๘ ปี”
หวังแต่ว่าจะไม่มีช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้อีก ในรอบสี่ปีหรือแปดปีข้างหน้าน่ะนะ
(https://www.facebook.com/Tonkla.mfp/posts2BDgXhNnHA, https://www.facebook.com/pichitlk/posts/e9w4iYGK, https://www.facebook.com/photo/?fbid=143430951939876&set=a.113062351643403 และ https://www.facebook.com/Gandee01/posts/P35weYQ13)