
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก
8 hours ago
·
ศาลยกฟ้อง สว.นันทนา “คดีคนขายหมู” สว.แดง กองมา
วันนี้ (10 พ.ย.68) ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ 562/2568 ระหว่าง นางแดง กองมา โจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส จำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้อยถ้อยคำว่า “คนขายหมู”
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความ ประกอบเอกสารว่า ตามวันเวลาตามฟ้อง จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า "...ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกลี่ยอันนี้เช่นเดียวกัน ..ดิฉันเองสอนและทำงานเกี่ยวกับเรื่องของพัฒนาการเมืองมาโดยตลอด ดิฉันถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ ได้คนขายหมูเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ จากผลการโหวตของผู้ที่สมัครเข้ามา ก็ใช้เสียงข้างมากเช่นเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ขอฟ้องประชาชนนะคะว่า กระบวนการคัดสรรผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการไม่ได้เป็นไปตามฐาน หรือว่าโปรไฟล์ประวัติกลุ่มของคนที่สมัครเข้ามา เป็น สว.เลย แต่ใช้วิธีการ กระบวนการ คือ ใช้เสียงข้างมากในการโหวต.." และสื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้ไประชาชนรับทราบทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อโซเชียล
#เห็นว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นสมาชิกวุฒิสภา และโจทก์เป็นคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา การที่จำเลยกล่าวถึงผลกระทบว่า จำเลยซึ่งสอนและทำงานเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอดถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และได้โจทก์ซึ่งมีอาชีพแม่ค้าขายหมู เข้ามาอยู่ในกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และพูดต่อไปถึงกระบวนการคัดสรรว่า ใช้เสียงข้างมากในการโหวตนั้น ย่อมหมายถึง จำเลยกำลังวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองว่า การโหวตโดยใช้เสียงข้างมาก จะทำให้ได้รับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญไม่ตรงกับคุณสมบัติที่ใช้ในการปฏิบัติงาน โดยจำเลยยกตัวอย่างว่า #ได้คนขายหมูเข้ามาทำงานเกี่ยวกับกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ซึ่งการกล่าวถึงอาชีพนั้นเป็นเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น หาได้แปลความขยายความได้ถึงขนาดเป็นการด้อยค่าโจทก์ #ซึ่งโจทก์เองก็ตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า #โจทก์ก็มีความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง ดังนั้น การเป็นคนขายหมูหาได้หมายถึงว่า จำเลยถูกด้อยค่าว่า เป็นผู้ไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือหมิ่นความเป็นมนุษย์ไม่
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาบริบทของข้อความที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวต่อไปในคราวเดียวกับที่โจทก์ฟ้องอีกว่า "ทั้งนี้ จึงได้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่...และกลุ่มคนที่จะเข้ามาเป็น สว.ก็ไม่ได้แสดงความรู้ความสามารถให้ตรงกับบทบาทของ กมธ." ย่อมส่อแสดงถึงเจตนาของจำเลยว่า ต้องการพูดถึง #กระบวนการในการใช้เสียงข้างมากมาโหวตจะทำให้ได้กรรมาธิการซึ่งไม่ตรงกับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
ดังนั้น การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน จึงล้วนเป็น ข้อเท็จจริงและการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองเท่านั้น และเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดนอกเหนืออันจะส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่น พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ขอกราบขอบพระคุณผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิตที่ให้ความเป็นธรรมกับท่าน สว.นันทนาครับ
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ทนายกระดูกเหล็ก)
https://www.facebook.com/ananchailaw/posts/1154471916790913

·
ศาลยกฟ้อง สว.นันทนา “คดีคนขายหมู” สว.แดง กองมา วันนี้ (10 พ.ย.68) ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ 562/2568 ระหว่าง นางแดง กองมา โจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส จำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้อยถ้อยคำว่า “คนขายหมู”
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความ ประกอบเอกสารว่า ตามวันเวลาตามฟ้อง จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า "...ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเกลี่ยอันนี้เช่นเดียวกัน ..ดิฉันเองสอนและทำงานเกี่ยวกับเรื่องของพัฒนาการเมืองมาโดยตลอด ดิฉันถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ ได้คนขายหมูเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองค่ะ จากผลการโหวตของผู้ที่สมัครเข้ามา ก็ใช้เสียงข้างมากเช่นเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ขอฟ้องประชาชนนะคะว่า กระบวนการคัดสรรผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการไม่ได้เป็นไปตามฐาน หรือว่าโปรไฟล์ประวัติกลุ่มของคนที่สมัครเข้ามา เป็น สว.เลย แต่ใช้วิธีการ กระบวนการ คือ ใช้เสียงข้างมากในการโหวต.." และสื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้ไประชาชนรับทราบทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อโซเชียล
#เห็นว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นสมาชิกวุฒิสภา และโจทก์เป็นคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา การที่จำเลยกล่าวถึงผลกระทบว่า จำเลยซึ่งสอนและทำงานเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอดถูกโหวตให้ออกจากกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และได้โจทก์ซึ่งมีอาชีพแม่ค้าขายหมู เข้ามาอยู่ในกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และพูดต่อไปถึงกระบวนการคัดสรรว่า ใช้เสียงข้างมากในการโหวตนั้น ย่อมหมายถึง จำเลยกำลังวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองว่า การโหวตโดยใช้เสียงข้างมาก จะทำให้ได้รับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญไม่ตรงกับคุณสมบัติที่ใช้ในการปฏิบัติงาน โดยจำเลยยกตัวอย่างว่า #ได้คนขายหมูเข้ามาทำงานเกี่ยวกับกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ซึ่งการกล่าวถึงอาชีพนั้นเป็นเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น หาได้แปลความขยายความได้ถึงขนาดเป็นการด้อยค่าโจทก์ #ซึ่งโจทก์เองก็ตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า #โจทก์ก็มีความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง ดังนั้น การเป็นคนขายหมูหาได้หมายถึงว่า จำเลยถูกด้อยค่าว่า เป็นผู้ไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือหมิ่นความเป็นมนุษย์ไม่
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาบริบทของข้อความที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวต่อไปในคราวเดียวกับที่โจทก์ฟ้องอีกว่า "ทั้งนี้ จึงได้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่...และกลุ่มคนที่จะเข้ามาเป็น สว.ก็ไม่ได้แสดงความรู้ความสามารถให้ตรงกับบทบาทของ กมธ." ย่อมส่อแสดงถึงเจตนาของจำเลยว่า ต้องการพูดถึง #กระบวนการในการใช้เสียงข้างมากมาโหวตจะทำให้ได้กรรมาธิการซึ่งไม่ตรงกับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
ดังนั้น การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน จึงล้วนเป็น ข้อเท็จจริงและการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองเท่านั้น และเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดนอกเหนืออันจะส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่น พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ขอกราบขอบพระคุณผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิตที่ให้ความเป็นธรรมกับท่าน สว.นันทนาครับ
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ทนายกระดูกเหล็ก)
https://www.facebook.com/ananchailaw/posts/1154471916790913
