วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 06, 2565

ดราม่าดิจิทัลชักจะล้นปรี่ จาก ‘สันธนะปะทะชูวิทย์’ ย้อนไปกรณีคุณหมอ “นั่งกระดิกเท้าเล่นมือถือ”


เป็นที่ยอมรับไปทั่วแล้วว่าคนไทยสมัยนี้ ใช้การสื่อสารออนไลน์และสื่อสังคมดิจิทัลกันมาก ติดอันดับต้นๆ ของโลก เช่นนี้ทำให้การเผยแพร่เนื้อหา ดราม่า ตามมาด้วยจนจะล้นปรี่ ท่ามกลางความหลากหลายอย่างไร้มาตรฐาน

ช่วงสองสามวันมานี้เราได้เห็นดราม่าว่ายข้ามโขง ดราม่าหมอ “ต้องกินต้องใช้” มาถึงดราม่า สันธนะปะทะชูวิทย์ ที่ล่าสุด สำนักข่าวไทย Online บอกว่า “ตำรวจเข้าตรวจสอบโรงแรมในซอยสุขุมวิท ๒๔ ของ ชูวิทย์ไม่พบสิ่งผิดปกติ”

เรื่องมาจากการที่ สันธนะไป “แจ้งตำรวจว่ามีการเปิดเป็นสถานบันเทิงให้กลุ่มนักเที่ยวเขาไปมั่วสุม” (@TNAMCOT) แต่ในที่นี้ขอเจาะเฉพาะดราม่าแพทย์หญิงโรงพยาบาลเชียงแสน เพื่อแสดงให้เห็นว่าดราม่าออนไลน์ ทำให้เพี้ยนประเด็นไปได้ง่ายๆ

แรกเมื่อมีคลิปเหตุการวิวาทะระหว่างญาติผู้ป่วยรายหนึ่งกับแพทย์หญิงซึ่ง “นั่งกระดิกเท้าเล่น (โทรศัพท์) มือถือ” ตอบโต้คำต่อว่าต่อขานจากญาติและ รปภ.ของโรงพยาบาล ด้วยท่าทีไม่ยี่หระอะไร ใช้ถ้อยคำห้วนๆ และคำสบประมาทว่า “โง่”

ใครดูคลิปย่อมของขึ้น ถึงขนาดผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งเม้นต์ว่า “ถ้าเป็นกูอยู่ตรงนั้น นังนี่ล้มคว่ำไปแล้ว” ทว่าข้อเท็จจริงเบื้องหลังเหตุการณ์เป็นโคนภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ในน้ำ กว่ารายละเอียดต่างๆ จะปรากฏให้เห็นภาพรวมได้ชัดก็เข้าไปวันรุ่งขึ้น

ข่าวสด @KhaosodOnline รายงานข้อมูลที่ได้มาจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า “ปกติแพทย์คนนี้เป็นคนจิตอาสา มีงานบริการที่ไหนก็จะอาสาไปและปกติก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่เป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปวน บางครั้งก็เป็นลักษณะนี้ จนเคยเกิดกรณีคล้ายกันนี้ไม่ต่ำกว่า ๓ ครั้ง”

ต้นเหตุครั้งนี้เป็นอย่างไร เฟชบุ๊คของ Kamthon Tongkundum อธิบายไว้ชัดเจนที่สุด เรื่องมีอยู่ว่าหญิงคนหนึ่งเกิดอาการแพ้ท้องหนัก ญาติไม่สามารถพาไปโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นสมาชิกได้ เพราะ รพ.ปิดในวันนั้น จึงพามาโรงพยาบาลรัฐ

หมอคนที่ปรากฏในคลิปก็จะทำการฉีดยาแก้แพ้ให้ แต่คนไข้ไม่ยอม อ้างว่าเคยฉีดแล้วเกิดอาการข้างเคียง กลัวว่าจะไปกระทบถึงเด็กในท้อง เมื่อไม่ยอมฉีดหมอก็ไม่ฉีด แต่คนไข้ขอให้น้ำเกลือแทน หมอไม่ยอมให้จึงเกิดการโต้เถียง

หมอบอกคนไข้กลับไปแล้วตนไปนั่งเล่นมือถือ กลุ่มญาติก็ตามไปต่อว่าต่อขาน จนไปถึงจุดที่หมอย้อนเอาว่า “ถ้าโง่อย่างนี้ไม่ทำให้หรอก” นี่เองเป็นเหตุให้หมอโดนพักงาน ๕ วัน ดูเหมือนจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนพฤติกรรมอีกด้วย

คุณกำธรเขียนเล่ากรณีคล้ายคลึงต่างๆ รายล้อม อ่านสนุกเชียว ซึ่งไปลงที่ประเด็นเดียวกันว่า คนไข้รู้ดีกว่าหมอ รายหญิงแพ้ท้องนี่คิดว่าการรับน้ำเกลือจะทำให้ “มีแรง” อาการแพ้จะหายไป แต่ข้อเท็จจริงทางแพทย์การฉีดน้ำเกลือโดยมิควรอาจทำให้ถึงตายได้

@moui ผู้นำข้อเขียนคุณกำธรมาทวี้ตแถมว่า “คนไข้มีสิทธิปฏิเสธการรักษาที่หมอจะทำให้ แต่ไม่มีสิทธิบังคับหมอให้ทำการรักษาตามวิธีที่ตนเองต้องการ - อ. พนัส” ก็เป็นความจริงลบล้างดราม่า พร้อมคำเสนอแนะของคุณกำธร

“ควรปรับหลักสูตรในโรงเรียน ให้พลเมืองไทยเข้าใจระบบสาธารณสุขมากขึ้น...คนไข้มีสิทธิและหน้าที่อะไรบ้าง คุณหมอมีสิทธิมีหน้าที่อะไรบ้าง ทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”

(https://www.facebook.com/kamthon.tong/posts/pfbid02KkZK และ https://www.matichon.co.th/region/news_3655817)