วันเสาร์, พฤศจิกายน 05, 2565

อย่าซ่ารมว.กลาโหมสหรัฐฯ เตือนเกาหลีเเหนือ ใช้นิวเคลียร์ใส่พันธมิตร คือ จุดจบ ‘ระบอบคิม’


Voice TV
13h

รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เตือนอย่าซ่า ใช้นิวเคลียร์ใส่พันธมิตร คือ จุดจบ ‘ระบอบคิม’
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ว่า การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ใดๆ ใส่สหรัฐฯ หรือพันธมิตรของตนโดยเกาหลีเหนือ จะก่อให้เกิด “ผลลัพธ์ในจุดจบของระบอบคิม”
เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลของระบอบคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือในกรุงเปียงยาง ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธกว่าหลาบสิบหัวรบ โดยกองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือมีการทดลองยิงขีนาวุธข้ามทวีปในช่วงวันพฤหัสบดีที่อาจจบลงด้วยความล้มเหลว ในขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือว่า “อุกอาจและเกินกว่าจะอดทนอดกลั้นได้อย่างรุนแรง”
จากแถลงการณ์ร่วมที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมกับ ลีจองซับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ออสตินกล่าวว่า “การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ใดๆ ต่อสหรัฐฯ หรือพันธมิตรและหุ้นส่วนของสหรัฐฯ รวมทั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และจะส่งผลให้ระบอบคิมสิ้นสุดลง”
การแถลงในครั้งนี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใช้ภาษาและท่วงทำนองคล้ายคลึงกันกับเอกสารของแผนยุทธศาสตร์การป้องกันแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในส่วนหนึ่งของเอกสารดังกล่าวระบุว่า “กลยุทธ์ของเราสำหรับเกาหลีเหนือตระหนักถึงภัยคุกคาม ที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ เคมี ขีปนาวุธ และความสามารถทางอาวุธแบบดั้งเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจำเป็นในการชี้แจงให้ชัดเจนต่อรัฐบาลคิม ถึงผลที่เลวร้ายหากใช้อาวุธนิวเคลียร์… มันไม่มีฉากทัศน์ที่ระบอบคิมจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์และอยู่รอดต่อไปได้”
ออสติน นายพลเกษียณอายุของกองทัพสหรัฐฯ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนผิวดำคนแรก ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าว ณ อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหม ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ “รัฐมนตรีลีและผมมีการอภิปรายที่ชัดเจนในวันนี้” ออสตินกล่าว “เราได้พูดคุยกันถึงวิธีที่เกาหลีเหนือทำการยั่วยุ และกระทำการกระทบต่อเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง และในขณะเวลาที่มีความตึงเครียดมากขึ้น พันธมิตรของเรานั้นเหนียวแน่น”
“สหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการป้องกันประเทศ (ของเกาหลีใต้) ความมุ่งมั่นในการป้องปรามที่ยืดเวลาออกมาของเรานั้นมั่นคง และรวมถึงความสามารถในการป้องกันนิวเคลียร์และอาวุธแบบดั้งเดิม และระบบป้องกันขีปนาวุธอย่างเต็มรูปแบบ” ออสตินระบุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหมสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่าทั้งสองประเทศวางแผนที่จะกลับไปซ้อมรบขนาดใหญ่บนคาบสมุทรเกาหลี โดยฝ่ายบริหารของรัฐบาล โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว หลังจากที่ 4 ปีที่แล้วที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยทรัมป์เคยระบุว่า ตนต้องการให้เกาหลีใต้จ่ายค่าความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ที่เคยมอบให้ตั้งแต่สงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496
ก่อนหน้านี้ในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีนโยบายนิวเคลียร์อย่างดุเดือดในหลายครั้ง ทั้งนี้ ทรัมป์เคยเข้าพบกับคิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จัดการประชุมสุดยอดกับผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกรายงานข่าวไปทั่วโลก แต่กลับก่อให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออสตินกล่าวว่าสหรัฐฯ “มุ่งมั่นที่จะสานต่อความพยายาม (ของฝ่ายบริหารของไบเดน) ในการเสริมสร้างการป้องปรามแบบบูรณาการ และเพื่อให้แน่ใจว่าการเป็นพันธมิตรกันนี้ยังคงเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และทั่วอินโด-แปซิฟิก”
ที่มา:
https://www.theguardian.com/.../north-korea-nuclear...

#NorthKorea #Security_Consultative_Meeting #Arirang_News
S. Korea and U.S. agree on "extended deterrence" against N. Korea's nuclear threats

Arirang News

18 hour ago

“We strongly condemn the DPRK’s irresponsible and reckless activities. As we’ve said before, these kinds of activities are destabilizing to the region potentially. So, we call on them to seize that type of activity and to begin to engage in serious dialogue.” He added that any North Korean nuclear attack against the United States or its allies would “result in the end of the Kim regime". Stressing that the alliance with Seoul is ironclad, he said the U.S. will remain fully committed to the defense of South Korea.