วันศุกร์, ธันวาคม 03, 2564

จากลากันด้วยดี... สู่สาธารณรัฐ "วันนี้ประชาชนของเกาะแห่งนี้ได้เลือกทางเดินของตัวเองด้วยความกล้าหาญสุดพิเศษ" เจ้าฟ้าชายชาร์ลส กล่าวกับ ชาวบาร์เบโดส



เจ้าฟ้าชายชาร์ลส เสด็จฯ บาร์เบโดส ร่วมพิธีเปลี่ยนการปกครองสู่สาธารณรัฐ

ที่มา Sanook.com

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมาร แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศบาร์เบโดส กลางทะเลแคริบเบียน เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ จากเดิมที่มีพระบาทสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นประมุข

"จากวันที่ดำมืดที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา และความโหดร้ายอันน่าตกใจของระบบทาส ซึ่งเป็นจุดด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ของเราตลอดไปนั้น วันนี้ประชาชนของเกาะแห่งนี้ได้เลือกทางเดินของตัวเองด้วยความกล้าหาญสุดพิเศษ" เจ้าฟ้าชายชาร์ลส ทรงกล่าว

"การปลดปล่อย การปกครองตัวเอง และเอกราช เป็นวิถีทางของประชาชนในประเทศนี้ อิสรภาพ ความยุติธรรม และการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง เป็นสิ่งที่ประชาชนในประเทศนี้ยึดถือ"

พิธีเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้เกิดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 55 ปีได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร ซึ่งในพิธีนี้มีการเชิญธงพระราชวงศ์ลงจากยอดเสา ก่อนนางซานดรา เมสัน ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เข้ารับการสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ


นางซานดรา เมสัน ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศบาร์เบโดส

มกุฎราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักร ทรงกล่าวด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯ ขออำนวยพรแก่ชาวบาร์เบโดสให้มีความสุข สันติภาพ และความเจริญ โดยสถาพร และทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของมิตรภาพกับสหราชอาณาจักรที่จะยังดำเนินต่อไป

ในงานนี้ นางเมสัน ยังมอบเครื่องรัฐอิสริยาภรณ์อิสรภาพแห่งบาร์เบโดสแก่เจ้าฟ้าชายชาร์ลสด้วย

ส่วนอดีตนักร้องสาวชื่อดัง นางสาวรอบิน ริฮานนา เฟนตี ที่มาร่วมงานนี้ ก็ได้รับการประกาศให้เป็นวีรชนแห่งชาติ โดยนางเมีย มอตต์ลีย์ นายกรัฐมนตรีบาร์เบโดส เป็นผู้ประกาศ

"ขอให้คุณ Shine bright like a diamond (ส่องสว่างดั่งเพชร) และนำเกียรติยศมาสู่ประเทศผ่านผลงานและการกระทำต่อไป" นางมอตต์ลีย์ กล่าว


นายกรัฐมนตรีบาร์เบโดส นางเมีย มอตต์ลีย์ ประกาศให้ ริฮานนา อดีตนักร้องชื่อดังชาวบาร์เบโดส เป็นวีรชนแห่งชาติ

พิธีเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งยังมีการถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ตและโทรทัศน์ทั่วประเทศ

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Sky News
...

Voice TV
November 30 at 7:45 AM ·

'ควีน' ส่งข้อความอวยพรขอให้สาธารณรัฐใหม่ของโลกเจริญรุ่งเรือง และส่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ร่วมแสดงความยินดี
บาร์เบโดส ประเทศเกาะในแถบตะวันออกของแคริบเบียน เป็นประเทศในเครือจักรภพที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ถอดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นประมุขของรัฐ และจัดตั้งประเทศเป็นสาธารณรัฐอย่างเป็นทางการ
“จากวันนี้และตลอดไป ขอประกาศให้บาร์เบโดสเป็นสาธารณรัฐ”
ซานดรา เมสัน ประธานาธิบดีคนแรก ผู้ดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศแทนควีนอลิซาเบธ ประกาศอย่างเป็นทางการในพิธีเฉลิมฉลองในค่ำคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา
สาธารณรัฐใหม่ของโลกเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวบาร์เบเดียนในงานเฉลิมฉลอง ณ กรุงบริดจ์ทาวน์ เมืองหลวงของประเทศ เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจอย่างเป็นทางการ ได้มีการแสดงความเคารพครั้งสุดท้ายต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ ก่อนที่ธงประจำพระองค์ของกษัตริย์อังกฤษจะถูกลดระดับลง และถูกแทนที่ด้วยธงชาติบาร์เบโดส
ปิดฉากประวัติศาสตร์การเป็นประเทศอาณานิคม
ยุคใหม่ของสาธารณรัฐบาร์เบโดสปิดฉากอิทธิพลของอังกฤษที่มีมายาวนานเกือบ 400 ปี รวมถึงช่วงเวลาที่เกาะแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
บาร์เบโดสเป็นอาณานิคมทาสแห่งแรกของอังกฤษที่เข้ามายึดครองเกาะนี้ครั้งแรกในปี 1627 ภายใต้การควบคุมของอังกฤษ เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลสำคัญที่ใช้แรงงานทาสจากแอฟริกา บาร์เบโดสได้รับเอกราชในปี 1966 รวมแล้วจึงใช้เวลายาวนาน 55 ปีในการเริ่มประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ปราศจากอิทธิพลของอังกฤษ
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และ ริฮานนา นักร้องชื่อดังชาวบาร์เบเดียน เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าชายแห่งเวลส์ตรัสในงานว่า "ความโหดร้ายทารุณของการค้าทาส จะเป็นตราบาปในประวัติศาสตร์ของเราตลอดไป" และตรัสว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะดำเนินต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐธรรมนูญก็ตาม
ควีนอลิซาเบธ ทรงส่ง "ความปรารถนาดีที่อบอุ่นที่สุด" ให้กับบาร์เบโดส และขอให้ประเทศ “มีความสุขความสงบ และความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต" ทรงกล่าวว่า บาร์เบโดสเป็น "ที่พิเศษ" ในใจของเธอ
บาร์เบโดสประกาศแผนการที่จะเป็นสาธารณรัฐตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว โดยจะยังคงสถานะเป็นประเทศที่อยู่ในเครือจักรภพ
การเป็นสาธารณรัฐ = "ความก้าวหน้าตามธรรมชาติ"
ก่อนบาร์เบโดส ในปี 1992 ประเทศล่าสุดในเครือจักรภพที่เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ คือ มอริเชียส ประเทศเกาะนอกชายฝั่งแอฟริกาในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉียงใต้
ผู้เชี่ยวชาญให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเฟพีว่า การเคลื่อนไหวของบาร์เบโดสอาจกระตุ้นการเป็นสาธารณรัฐในประเทศสมาชิกเครือจักรภพอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจาเมกา ซึ่งพรรคการเมืองหลักสองพรรคสนับสนุนให้แยกตัวออกจากระบอบกษัตริย์โดยสิ้นเชิง
โจ ลิตเติล บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Majesty ในลอนดอนกล่าวว่า การตัดสินใจของบาร์เบโดสเป็น “ความก้าวหน้าตามธรรมชาติ” ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของควีนอลิซาเบธที่สอง ในปี 1952
“ผมคิดว่า คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะเกิดขึ้นต่อไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดในรัชกาลปัจจุบันนี้ แต่อาจจะเป็นรัชกาลหน้า และอาจจะเกิดอย่างรวดเร็วขึ้นด้วย” เขากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
กระบวนการเปลี่ยนผ่านโดยกลไกรัฐสภา ในห้วงเวลาที่ 'สาธารณรัฐ' ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของทุกคน
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เมื่อ ซานดรา เมสัน ประกาศบอกกับประชาชนเรื่องการเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีใครในบาร์เบโดสรู้สึกตกใจกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพราะการอภิปรายถกเถียงเรื่องนี้มีมาตลอดเวลา 40 ปี และนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1966 การเป็นสาธารณรัฐ ได้กลายเป็นประเด็นศูนย์กลางของการพยายามปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่สำคัญทุกครั้ง
มีอา มอตต์ลีย์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของบาร์เบโดสเป็นคนสำคัญในการขับเคลื่อนครั้งนี้ การเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ คือ เป้าหมายที่เธอใช้หาเสียง และได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกเมื่อปี 2018 มอตต์ลีย์เชื่อว่า ผลการเลือกตั้งหมายความว่า ชาวบาร์เบโดสมอบอำนาจที่ชัดเจนให้เธอล้มระบอบกษัตริย์
เป้าหมายต่อมาคือการได้เสียงข้างมาก 2/3 ในสภา ทั้งส.ส. และส.ว. แต่มอต์ตลีย์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะพรรคของเธอชนะที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา อีกทั้งการเลิกรากับสหราชอาณาจักรนั้นได้รับการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองมาโดยตลอด
ในเดือนพฤษภาคม 2021 คณะกรรมการที่ปรึกษาการเปลี่ยนผ่านสู่สาธารณรัฐ (Republican Status Transition Advisory Committee - RSTAC) ถูกจัดตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่ในการวางแผนและจัดการการเปลี่ยนผ่านของประเทศจากราชาธิปไตยสู่การเป็นสาธารณรัฐ ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน
แม้จะฟังดูเป็นกระบวนการที่ราบรื่น แต่ก็มีข้อกังขาเกิดขึ้น ว่าเหตุใดมอตต์ลีย์จึงเลือกผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จในช่วงเวลาที่ประชาชนไม่มีอารมณ์จะสนใจเรื่องระบอบการปกครอง เพราะต้องเผชิญกับพิษโควิดที่กระทบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่พยายามฟังเสียงของสาธารณะอย่างเพียงพอ เนื่องจากมอตต์ลีย์เลือกไม่ใช้วิธีการทำประชามติ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนก่อนเคยให้คำสัญญาไว้
ต่อจากนี้ไป สาธารณรัฐบาร์เบโดสจะเข้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่หลายฝ่ายหวังว่าจะเน้นการมีส่วนร่วมของสาธารณะมากกว่ากระบวนการที่ผ่านมา
#VoiceOnline
อ่านบนเว็บไซต์: https://www.voicetv.co.th/read/kiRwbRPDR