เสียท่า งอนเสียก่อนนี่ ม่ายงั้นได้ตีความกันหรรษาไปอีก ตู่ไปสวนเบญจกิติวันนี้ (๑๗ ธันวา) นักข่าวถามอะไรไม่ยอมตอบ บอกแต่ว่า “ไม่เอา พูดเล่นไปตีความกันเยอะแยะ” ข่าววานนี้ “พริกแพง กก.ละ ๑๓๐ บาท” ใครๆ อยากรู้ว่าตู่จะว่าไง
เมื่อวานเหมือนกันเอาอีก ห่างจากที่พูดเรื่องเลี้ยงไก่ไม่ทันหลังเย็น พูดขึงขังบนโพเดี้ยม เป็นห่วงสตรีภาคใต้ มีลูกมากฟันจะผุพัง เพราะเด็กอ่อนในท้องจะดึงเอาแคลเซี่ยมจากแม่ไป ทำให้เพจหมอ ‘ฟันน้ำนม’ ต้องรีบแก้ไข ไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลผิดๆ
“ฟันของคนเราเมื่อขึ้นในปากแล้ว จะมีการสะสมแร่ธาตุสมบูรณ์ ไม่มีหลอดเลือดหรือท่อน้ำเหลืองมาหล่อเลี้ยงผิวเคลือบฟันอีก เพราะฉะนั้นลูกในท้องแม่จะดึงเอาแคลเซียมจากเคลือบฟันแม่ไปใช้ไม่ได้...ไม่เกี่ยวอะไรกับลูกค่ะ”
ไม่รู้นะ ตู่น่ะสุขภาพฟันและช่องปากดีหรือเปล่า บางทีเชื้อโรคจากปากขึ้นไปรบกวนสมอง ทำให้พูดอะไรเพี้ยนๆ บ่อยๆ ก็ได้ แล้วจะเที่ยวโทษนักข่าวบ้าง นักวิชาการบ้าง หาว่าตีความผิดทั้งที่เขามีคลิปยืนยันความงั่งไว้ชัดแจ้ง
“เดี๋ยวก็บอกผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น พวกคุณแปลไปเอง หัดรับผิดชอบคำพูดตัวเองบ้าง น้ำลายตัวเองอร่อยมากมั้ยคะ กลืนน้ำลายเยอะขนาดนี้ ไม่น้ำท่วมปอดตายสักที” ~~~~@Absolutelle ประชากรไซเบอร์นางหนึ่งระบายความอัดอั้น
การไปเป็นสักขีพยานส่งมอบสวนป่าเบญจกิติ (จากทัพบกแก่กรมธนารักษ์ไปยังกรุงเทพมหานคร) ของประยุทธ์ครั้งนี้ มีเกล็ดการเมืองเล็กน้อย เมื่อนายกฯ ถามหาผู้ว่ากรุงเทพฯ อัศวิน ขวัญเมือง ที่ยังเดินตามไม่ทันแล้วกระเซ้า “ไปไหน ไม่รักกันเหรอ”
เป็นสัญญานว่าคนนี้ใช่เลย ที่รัฐบาลนี้ต้องการให้อยู่โยงครอบครอง กทม.ต่อไป จะด้วยชั้นเชิงไหน ไม่เกินกลางปีหน้าอาจได้เห็น แต่วันนี้พาไปดูสวนเบญจกิติเป็นภาพหลังฉากไปก่อน เนื้อที่ ๒๕๙ ไร่ครบวงจรนิเวศน์วิทยา จะเปิดฉลองพระพันปีหลวง ๑๒ สิงหาปีหน้า
ส่วนน้ำจิ้มสำหรับ กทม.ภายใต้ ‘ขวัญเมือง’ ลูกเบิ้ล ก็โน่น คลองช่องนนทรี ปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนหย่อมขนาดยักษ์ งบประมาณทั้งสิ้น ๙๘๐ ล้านบาท โดยช่วงแรกจวนจะแล้วเสร็จ เปิดให้ประชาชนได้ยลโฉมสิว่าเหมือน ‘คลองชองเกชอน’ อย่างที่เขาโฆษณาไหม
โฆษกกรุงเทพมหานคร ที่ไม่บังเอิญนามว่า ร.ต.ท.พงศกร ขวัญเมือง เอาความคืบหน้า ๔๒% มาฝาก ว่า “พร้อมเปิดเฟสแรก (ช่วงที่ ๒) ให้คนกรุงเทพได้เริ่มใช้ในวันที่ ๒๕ ธ.ค.นี้ เป็นหนึ่งใน ๕ โครงการสานฝัน ‘ฟื้นเมือง-เชื่อมย่าน’ ของกรุงเทพฯ
สำหรับโครงการ ‘สวนสาธารณะคลองช่องนนทรีเชื่อมคลองสาทร’ นี้เป็นแห่งแรกในไทย “ซึ่ง กทม.ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพมหานครในระยะยาว ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”
แต่ว่า ‘คณะก้าวหน้า’ กลับมองเห็นว่าเป็นเพียง ‘ของเล่น’ ในเมื่อ “โครงการใหญ่ขนาดนี้กลับไม่ได้มีการวางแผนอย่างรอบคอบ จนน่าคิดว่า โครงการนี้ทำอย่างชุ่ยๆ นำผักชีมาโรยหน้าเพื่อหาเสียง ก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. ในปีหน้าหรือไม่”
อีกทั้ง “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโครงการนี้จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้จริงหรือไม่ โครงการนี้คุ้มค่าหรือไม่ และในหลายประเด็นก็ยังไม่มีการศึกษา หรือยังศึกษาไม่แล้วเสร็จ แต่ก็ยังดึงดันจะเดินหน้าโครงการต่อไป เช่น ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาจราจรติดขัดขึ้นอย่างไร”
จากที่บีบีซีไทยทำโปรไฟล์ ถาม-ตอบเกี่ยวกับโครงการนี้ 𝕄𝕠𝕦𝕚™ @moui มีข้อสังเกตุ “ปูนขนาดนี้ ต้นไม้ที่มาปลูกได้คงเป็นพวกที่โตได้ในกระถางเป็นหลักมั้ง” ส่วนภาพจำลอง “มันปลอม แถวนี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่แล้ว ยกเว้นเข้าซอย” พื้นที่บางส่วนที่ยังไม่ได้ปล่อยขาย
จิระเดช กรุณกฤตกุล รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา ชี้แจงไว้ต่ออนุกรรมาธิการสภาตอนหนึ่ง “ที่ว่าลากจุดมั่วๆ กะเอา เบื้องต้นควรต้องเป็นอย่างนั้น ไว้ถ้าเปิดใช้ดูแล้วจะแก้ไขปรับปรุงอะไรก็เพิ่มเข้าไปได้อีก” ส่วนเรื่องจราจร “ขออนุญาตรับไปศึกษาให้รอบคอบ”
เป็นโครงการหัวเปิดท้ายเปิด อยากทำอะไรทำไปก่อน ขาดตกบกพร่องก็ต่อเติมเอา ผิดพลาดพลั้งไปแก้ไขภายหลัง คณะก้าวหน้าถึงได้ตั้งข้อสงสัย “ในเรื่องการใช้งบประมาณอีกด้วยว่า เอางบกลางมาใช้ได้อย่างไร” งบช่วงแรกนี้ ๗๙ ล้านบาทจากถังเงิน กทม.
“เพราะแม้จะเป็นอำนาจของผู้ว่า กทม. แต่มีข้อกำหนดการใช้งบกลางว่า ต้องเรื่องจำเป็นเร่งด่วน...โครงการนี้เข้าข่ายอย่างไร แต่สุดท้าย กทม. ก็ไม่มีคำตอบให้แก่ประชาชนเลย” คนกรุงเทพฯ จะมียี่หระเหมือนชาวจะนะที่ ‘รักษ์ถิ่น’ ไหม อยากเห็น
(https://www.moveforwardparty.org/news/parliament/9872/, https://bbc.com/thai/thailand-59681622…, https://www.khaosod.co.th/politics/news_6786926 และ https://www.facebook.com/thaimilkteeth/posts/2776957805782673)