วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 02, 2564

ศาลให้ประกัน ‘รุ้ง’ ไม่ให้ ‘เบนจา’ “ทั้งที่ข้อกล่าวหาในฐานความผิดอย่างเดียวกัน” เพราะ “แค้นฝังหุ่นต่อการที่ถูกเด็กด่า” มั้ง

ศาลให้ประกัน รุ้ง ปนัสยา ๔๒ วัน ออกไปสอบได้ แต่ไม่ให้ประกัน เบนจาข้อหาเหมือนกัน ต่างกรรมต่างความปราณี เบนจาเผยวานนี้ “เราดร็อปเรียนในเทอมนี้แล้ว หลังจากศาลไม่อนุญาตให้เราประกันตัว” เท่ากับว่าคำร้องต่างๆ ฟาวล์หมด

โดยเฉพาะข้อ ๕ “มีหน้าที่จะต้องเข้าเรียน จัดทํารายงานต่างๆ และเข้าสอบไล่ให้ครบ โดยผู้ต้องหามีกําหนดที่จะต้องสอบไล่ปลายภาคการศึกษารวม ๖ รายวิชาด้วยกัน” เบนจากำลังเรียนวิศวกรรมเครื่องกล เพื่อเป็นพื้นฐานไว้ไปต่อโทด้าน Aerospace Engineering

เธอบอกเวลานี้ “เกรดเฉลี่ยประมาณ ๓.๓...อยากทำงานด้านอวกาศ แต่เราวางแผนว่าจะเรียนให้จบปริญญาเอก เพราะไม่ได้หวังว่าจะเป็นวิศวกรไปตลอด บั้นปลายชีวิตอยากเป็นอาจารย์ เลยอยากเรียนเฉพาะทางเพื่อเอามาพัฒนาประเทศ”

ขณะนี้เธอถูกฝากขังด้วยคดีมาตรา ๑๑๒ จากการชุมนุมวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ อยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง นอนเบียดเสียด (๒๗ คน) ต้องงอเข่า “เพื่อนในห้องบอกว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่เราสงสัยว่าทำไมต้องชิน ในเมื่อเราทำให้ดีกว่านี้ได้ ในเรือนจำเองก็ต้องพัฒนา”

ตอนนี้จิตใจชักระส่ำ “เริ่มสงสัยว่าหรือเราเองที่เข้าใจผิดมาตลอด เริ่มงงว่าเราผิดจริงเหรอ...นอกจากอาจารย์บางท่านที่เข้าใจนักศึกษา แต่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ As a whole ในฐานะที่เป็นองค์กรนั้นหายไปไหนเหรอ”

เบนจาถูกคุมขังมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลา จากคดีการเมืองทั้งสิ้น ๑๙ คดี เป็นข้อหามาตรา ๑๑๒ เสีย ๖ คดี “โดยทุกคดียังไม่เคยมีคำพิพากษาของศาลว่ามีความผิด” ถูกปฏิเสธการประกันตัวในสองคดี เมื่อ ๒๑ ตุลา แล้วโดนพิพากษาจำคุก ๖ เดือนอีก ๑ คดี

๑ พฤศจิกา ศาลอาญาสั่งจำคุกเบนจา ฐาน ละเมิดอำนาจศาลให้เหตุผลว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหารับข้อเท็จจริง แต่กลับต่อสู้ว่าไม่ผิด ไม่สำนึกในการกระทำผิด ส่งเสียงดัง ไม่สงบเรียบร้อย ก่อความรำคาญ แถลงการณ์ที่มีเนื้อหาประณาม ใส่ร้าย ดูหมิ่นตุลาการ”

ข้อเท็จจริงก็คือ เมื่อ ๒๙ เมษา “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ชวนกันมาทำกิจกรรมยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านกลอนตุลาการภิวัฒน์ที่ศาลอาญา” จากการที่ศาลยกคำร้องขอประกันเพื่อนๆ ร่วมกิจกรรมหลายครั้ง หลายคน

“อ้างว่าศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวนายพริษฐ์กับพวกอย่างไม่เป็นธรรมและแตกต่างกับกรณีที่ศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยในคดีของกลุ่ม กปปส.” หนึ่งในคำอ้างต่างๆ ที่ศาลยกเอามาตัดสินว่า “ล้วนเป็นความรู้สึกนึกคิดของผู้ถูกกล่าวหาเองทั้งสิ้น

โดยขาดฐานความรู้และความเข้าใจในข้อกฎหมายอันเป็นหลักสากลที่ใช้กันในนานาอารยประเทศ อีกทั้งข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวนี้ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถเรียกร้องขอความชอบธรรมได้ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ”

ต่อด้วยคำ “เหน็บแนมแกมประชด (อรุณเอ๋ยแบบบท ของแม่ช่างหยดช่างย้อย”) ว่า “ด้วยวิธีการที่ผู้เจริญหรือผู้มีอารยะปฏิบัติกัน” จากการที่เบนจาและพวกไปประท้วง แจกใบปลิวหน้าศาลว่า ผู้พิพากษาตุลาการ “อาจกระทำโดยไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม”

เลยดูเหมือนว่าศาลจะแค้นฝังหุ่นต่อการที่ถูกเด็กด่า เสียจนลืมคำว่า ‘impartiality’ ความไม่ลำเอียงด้วยเหตุวิสัยใดๆ ในกระบวนการให้ความยุติธรรม ทั้งที่ข้อกล่าวหาในฐานความผิดอย่างเดียวกัน คือทำการปราศรัยเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

จะกลายเป็นว่า ผู้พิพากษา ตลก. เดี๋ยวนี้ถือดีว่ามีอำนาจเหนือกว่าประชาชนธรรมดา ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพอันเท่าเทียม ในการแสดงออกถึงความเห็นต่าง จึงเอาตนเป็นที่ตั้งยิ่งกว่า สถาบัน อันเป็นปัจจัยให้เกิดการกล่าวหาว่า ละเมิด

แล้วมันได้ลุกลามไปสิงสู่อยู่ในบรรดาเครือข่ายใกล้เคียง ที่เรียกว่า นักร้อง ด้วยแล้ว บางคนนึกจะพูดชี้ช่องอะไร ก็พูดออกไปโดยไม่ต้องตรวจสอบตนเองว่าถูกต้องหลักการ คุณธรรม และตัวบทกฎหมายไหม ดังที่ ศรีสุวรรณ จรรยา หาเรื่อง พส.

พอมีข่าวว่าพระมหาไพรวัลย์เตรียมลาสิกขา ศรีสุวรรณโพสต์ทันที “ทรัพย์สินของ พส.ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศ ต้องตกเป็นของวัด” ไม่เพียงมหาไพรวัลย์ สัพพีปัญญาให้ว่าประมวล กม.แพ่งฯ ระบุ ทรัพย์สินของสงฆ์จะตกเป็นของวัดเมื่อมรณภาพเท่านั้น

เป็นนักร้องโง่เขลาและมีโมหะจริตได้ หวั่นๆ แต่ว่าตลาการจะเหลิงกันมากเสียจนเอาอย่างศรีสุวรรณนั่นแล

(https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3021153, https://tlhr2014.com/archives/36868 และ https://www.facebook.com/benjarrrrr/posts/3209446089338653)