May Poonsukcharoen
6h ·
มันทำร้าย Benja Apan อยู่
วันนี้เป็นการเยี่ยมบจ.ที่ทุลักทุเลสุด หลังจากที่วันนี้เบนจาไม่ได้ออกศาลอาญาทั้งที่มีนัดพิจารณาคดี เนื่องจากศาล(องค์คณะ)ไม่ทราบว่าเบนจาอยู่ในระหว่างคุมขัง เรารีบเร่งออกจากศาลตอนราวๆเที่ยงหลังเสร็จสิ้นการตรวจพยานหลักฐานคดีขบวนเสด็จ เพื่อมายื่นคำร้องขอเยี่ยมทางไลน์ ใช่ค่ะเยี่ยมออนไลน์ แต่ต้องยื่นเอกสารกระดาษที่เรือนจำ
เดิมทีไม่ได้แพลนว่าต้องตีเยี่ยมเบนจาในวันนี้เพราะเบนจามีศาลในอีกคดี แต่เมื่อไม่ได้ออกมาศาล และวันหยุดที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาว เราจึงคิดว่าจำเป็นต้องเยี่ยม เรายื่นเอกสารตอน 13.00น. และได้เยี่ยมตอนราว 15.00 น. ในขณะที่เราต้องขับรถไปด้วยเพื่อไปให้ทันนัดหมายฉัดวัคซีนที่โรงพยาบาลตอน 16.00 น. เป็นการเยี่ยมขณะขับรถที่มีพี่ทนายเป็นขาตั้งโทรศัพท์ และพูคคุยโดยคนขับมองถนน แทบไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา #ถ้าการเมืองดี เบนจาคงไม่ถูกขัง เราคงไม่ต้องซื้อวัคซีดฉีดเอง และไม่ต้องมาคุยกันสภาพนี้
เบนจาบอกว่างงว่าเกิดอะไรทำไมถึงไม่ได้ไปศาล และเสียใจที่ไม่ได้เจอแม่ ทั้งที่แม่ลางานและขับรถมาจากต่างจังหวัด วันนี้จะเป็นวันแรกที่เบนจาจะได้เจอแม่หลังจากถูกขัง เบนจายังไม่ได้เจอแม่เลย เพราะแม่ลงทะเบียนเยี่ยมทางไลน์ได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่วันนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำไม่ได้โทรไป และวันนี้เบนจาก็คงยังไม่ได้เจออีก
เบนจาพูดกับเราหลายหนถึงปัญหาของคนที่กักตัวช่วงโควิดโดยเฉพาะคนที่ไม่มีทนายความ เพราะผู้ต้องขังเหล่านั้นไม่สามารถแจ้งใครได้เลย ญาติก็ไม่สามารถเยี่ยมทางไลน์ได้ และเขียนจดหมายก็ไม่ได้ แม้ญาติจะฝากเงินก็ยังใช้ไม่ได้ ต้องมีญาติซื้อของทางเรือนจำฝากได้เพียงกรณีเดียว ทำให้ผู้ต้องขังหลายคนอยู่แบบไม่มีสิ่งของจำเป็นพื้นฐานแบบนั้นตลอด 21-28 วันในการกักตัวโควิด เพราะสื่อสารกับคนภายนอกไม่ได้เบนจาแบ่งปันสิ่งของเท่าที่มีแต่ก็รู้สึกอึดอัดไปด้วยเพราะว่าไม่สามารถจะช่วยเหลือผู้ต้องขังได้หมด และวิธีดังกล่าวไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเชิงระบบ “ทำไมเรือนจำไม่ให้เขาสื่อสารได้สักวิธี ไม่ใช่ว่าผู้ต้องขังทุกคนจะมีทนายมาเยี่ยม” คือสิ่งที่เบนจาบ่นให้ฟังเสมอ
แม้กระทั่งลงแดนแล้วก็ยังเขียนขอเงิน ขอให้ส่งสิ่งของต่างๆไม่ได้ “เดี๋ยวญาติไม่สบายใจ” คือคำตอบที่เจ้าหน้าที่ให้โดยมองข้ามสภาพความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่าพื้นฐานของมนุษย์คนหนึ่งควรได้รับ เบนจาเล่าว่าผู้ต้องขังรายหนึ่งเคยเขียนจดหมายถึงญาติว่า”เรือนจำคือแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค” แน่นอนว่าจดหมายฉบับนั้นไม่ถึงญาติ อันที่จริงมันไม่ได้ออกไปจากเรือนจำด้วยซ้ำ เพราะเจ้าหน้าที่ให้กลับมาเขียนใหม่
ความ suffer อีกอย่าง ของเบนจาคือ การเป็นคนชอบพึงตนเอง ไม่ต้องการเป็นภาระบุคคลอื่น “มนุษย์มันมีศักยภาพ อยู่ในนี้ไม่มีระโยชน์อะไรเลย”แต่ในเรือนจำไม่เป็นแบบนั้น การรับรู้ข่าวสาร การสื่อสารระหว่างญาติ ของใช้ชีวิตประจำวัน ล้วนต้องอาศัยคนข้างนอกทำให้หลายหนเบนจารู้สึกว่อยู่ตรงนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย สิทธิของผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาซึ่งไม่สมควรถึงขังในเรือนจำนั้น ดูจะด้อยกว่าผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้วเสียอีกไม่สามารถเรียนหรือทำงานใดๆได้ จนบางขณะเบนจาก็อยากจะให้คดีตัดสินให้รู้แล้วรู้รอดไม่ต้องทนนับวันเวลาแบบนี้
ส่วนวันนี้เบนจาอัพเดทว่า “อ่านยัญพิธีเชือดแพะจบแล้ว” เราชวนเบนจารีวิวหนังสือ นางก็สนใจ และบอกว่าเล่มต่อไปที่จะอ่านคือ “บทสำรวจวาทกรรมชนบทและบ้านนอกในความเป็นไทย” ที่เขียนโดยอ.สามชาย “หลังจาก skim แล้วน่าสนใจดี” เบนจายังเล่าว่า หลังจากเราเล่าว่า อ.บุญเลิศไปยืนหยุดขังและถือรูปเบนจา เบนจา เลยฝันว่าอ.บุญเลิศถามว่าอ่านหนังสืออะไรอยู่ ทั้งๆที่จริงๆเบญจาบอกว่ามันเป็นบทสนทนาที่อาจารย์ประจักษ์ถามเบนจาตอนเจอกันที่ศาลคราวก่อน แต่คงเป็นเพราะเบนจามีหนังสือ “บ้านที่กลับไม่ได้” ที่รุ้งทิ้งไว้ให้เบนจาด้วย เบนจาเลยฝันถึงบุญเลิศ ฮา
ว่าแล้ว “มันทำร้ายเราได้เท่านี้แหละ”ก็ยังไปไม่ถึงมือเบนจา ทั้งที่เราส่งเข้าไปให้หลายสัปดาห์แล้ว “มันทำร้ายเราได้เท่านี้แหละ” ที่เป็นหนังสือยังไม่ถึง แต่ความจริงแล้ว เรือนจำได้ทำร้ายเพื่อนๆของเราตั้งแต่แรกที่ย่างกรายเข้าไปแล้ว และยังทำร้ายอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องอ่านหนังสือก็ได้
การคุมขังกลายเป็นอีกบทหนึ่งของชีวิตพวกเขาเหล่านั้น เป็นประสบการณ์ตรง
มันทำร้ายเราอยู่ #ปล่อยเพื่อนเรา
ปล.เขียนตอนเมาวัคซีนอยู่