Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
10h ·
[ชวนคุณประยุทธ์ดูสถานการณ์อังกฤษที่กลับมามีความหวังด้วยวัคซีน]
.
บรรยากาศในอังกฤษเต็มไปด้วยความหวัง เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น
.
นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกัน คนจะเริ่มใช้จ่ายในไม่ช้า
.
จนถึงวันนี้ อังกฤษฉีดวัคซีนไปแล้ว 60.6% ของจำนวนประชากร และมีประชากรที่ฉีดครบสองเข็มไปแล้ว 12.2%
.
อังกฤษกำลังจะเปิดให้ประชาชนทำกิจกรรมตามปกติ หลังจากมีการล็อกดาวน์ป้องกันการระบาดรอบสามตั้งแต่เดือนมกราคม บริการต่าง ๆ ทยอยกลับมาค้าขายดำเนินการได้ตามปกติในสัปดาห์ที่ผ่านมา
.
บรรยากาศในอังกฤษเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวัง อารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมสดใส ทุกคนรู้ว่าอีกไม่นานวัคซีนจะฉีดได้ครบ ชีวิตปกติกำลังจะกลับมา เมฆดำกำลังจะผ่านพ้นไป ทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างมีความหวัง
.
นักเศรษฐศาสตร์คาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะในช่วงการแพร่ระบาด ประชาชนจำนวนมากไม่ได้ใช้จ่าย ในขณะที่รัฐบาลให้การดูแลอย่างครอบคลุม ทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บในช่วงโควิดมากถึง 180,000 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่ากับ 10% ของระบบเศรษฐกิจ
.
หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ กล่าวว่าตอนนี้เศรษฐกิจมีสภาพเหมือนกับ “ขดลวด” ที่รอคอยการระเบิด ประชาชนอังกฤษรอคอยที่จะใช้จ่ายเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
.
รัฐบาลอังกฤษให้สัญญากับประชาชนว่า ภายในเดือนกรกฎาคม ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศจะต้องได้ฉีดอย่างน้อยเข็มแรก
.
เมื่อกลับมาดูสถานการณ์ในประเทศไทย เวลานี้เรากำลังกลับเข้าสู่สถานการณ์กึ่งล็อกดาวน์อีกครั้ง จากการแถลงของรัฐบาลเมื่อสักครู่นี้
.
ส่วนแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย กำลังจะเริ่มมีการฉีดในปริมาณมากในเดือนกรกฎาคม
.
แม้จะช้าไปมากแล้ว แต่ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี
.
แม้หลายสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ได้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้วในประเทศไทยเป็นฉากๆ แต่ผมก็ยังแอบหวังว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ เพื่อฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ในจำนวนที่มากพอจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
.
และที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อสักครู่ว่ามีแผนจะพยายามจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่นๆเพิ่มอีก แม้จะช้าไปมากแล้วก็ตาม ก็หวังว่าจะดำเนินการได้ลุล่วง
.
เพื่อให้บรรยากาศแห่งความหวังเช่นนี้กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
คณะก้าวหน้า - Progressive Movement
11h ·
[ 1 ปีผ่านไป ประเทศไทยกลับสู่กึ่งล็อกดาวน์ เรามาถึงจุดนี้เพราะประชาชนประมาท หรือเพราะรัฐบาลประมาท? ]
.
เมษายน 2563 เราเผชิญโควิดระลอกแรก คนไทยถูกขอให้เสียสละเพื่อชาติ อยู่บ้านต้านโควิด รัฐบาลล็อกดาวน์ยาวจนส่งผลกระทบมหาศาลต่อเศรษฐกิจ
.
เมษายน 2564 เราเผชิญโควิดระลอก 3 นายกรัฐมนตรี รัฐบาลประกาศยืนยันไม่ล็อกดาวน์ แต่ออกมาตรการปิดสถานที่ ห้ามกิจกรรมรวมกลุ่ม กึ่งล็อกดาวน์ ขอความร่วมมือประชาชนอยู่บ้านต้านโควิดอีกครั้ง
.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่า ประชาชนต้องอย่าหย่อนวินัย ถ้าประมาท การ์ดไม่ยกสูง โควิดจะกลับมาระบาดอีก
.
เราประชาชนขอถามกลับว่า ใครกันแน่ที่ประมาท?
.
ประชาชนทุกคนรักตัวเอง รักคนที่บ้าน ไม่มีใครอยากติดโรค แต่รัฐบาลต่างหากที่ประมาท คิดว่าจะคุมโควิดอยู่ ไม่เร่งรีบจัดหาวัคซีน ไม่กระจายความเสี่ยงซื้อวัคซีนหลากหลาย ไม่วางแผนบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อรับมือการระบาดระลอกใหม่ จนเกิดการระบาดขึ้นมา กลายเป็นว่าหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหน้างานต้องมารับภาระหนักหนาสาหัส ประชาชนต้องรับมือภาวะกึ่งล็อกดาวน์ โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ ที่ชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการและคนหาเช้ากินค่ำที่ได้รับผลกระทบ
.
ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความประมาทของเรา ประชาชน แต่เป็นความประมาทของรัฐบาล ที่กำลังนำพาประเทศไปสู่หายนะ
.
1 ปีที่เราเผชิญโควิด รัฐบาลไม่มีมาตรการอะไรใหม่ ไม่ได้เตรียมการเยียวยาประชาชนใดๆ ไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเลยแม้แต่น้อย
.
พลเอกประยุทธ์บอกว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่รับฟังใครเลย
.
ธนาธร จึงรุงเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เสนอแนะและเตือนถึงการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาดของรัฐบาลมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เราหวังเหลือเกินว่าท่านจะรับฟังคำเตือนเหล่านี้ และเข้าใจเสียทีว่าเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่ารัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ จัดหาวัคซีนได้รวดเร็ว ทั่วถึง
.
และนำพาพวกเราออกจากอุโมงค์โควิดที่มืดมิดนี้เสียที !
.
#คณะก้าวหน้า #โควิด19 #ธนาธร