วันเสาร์, เมษายน 10, 2564

อ่านเสียงของอนาคต คำพูดส่วนหนึ่งของเบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116



iLaw
12h ·

“สมัยประถม เราอยากเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเรารู้สึกว่าประเทศเรามันดีได้มากกว่านี้ คือถ้าเราเป็นนายกฯ แล้วเรามี power (อำนาจ) เราคงแก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศนี้ได้ ณ ตอนนั้นเด็กอายุ 9-10 ขวบ มันคิดอย่างนั้นจริงๆ”
.
“เราก็ไปบอกผู้ใหญ่ ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งทั้งหลายในวัยเด็ก เราถูกบล็อกความฝันเลย เขาพูดว่า นายกฯ ต้องมีเงิน ต้องมีชื่อเสียง ต้องมีอำนาจ แล้วเรา 9 ขวบ ณ ตอนนั้น เรารู้สึกแบบ มันหมดหนทางในการเป็นนายกฯ ทำให้ความฝันในการเป็นนายกฯ ของเรามันถูกพับไปเลย เพียงแค่เพราะว่า เราไม่มีอะไรทั้งหลายแหล่ที่เขาว่ามา”
.
“ณ ตอนนั้น เราเชื่อ แต่พอเราโตมาเรารู้ว่ามันไม่ใช่ เรารู้สึกว่า ต่อให้ได้เป็นหรือไม่เป็นนายกฯ จริงๆ ทุกคนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ทุกคนต่างมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงใน way (หนทาง) ที่ตัวเองทำได้”
.
“ต้องบอกตรงๆ ว่า เราอยากเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ตั้งแต่มัธยม แต่เราไม่รู้ว่า การออกไปเคลื่อนไหวมันต้องทำยังไง เรารู้จักเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แต่ก็ยังไม่ได้ออกไปเคลื่อนไหวอะไรกัน ทีนี้พอขึ้นมหา’ลัย ตอนนั้นอยู่จุฬาฯ เพนกวินก็มาชวนไปทำกิจกรรมทางการเมือง ด้วยความที่เราอยากออกไป เราก็ไปเลย ก็ไปตลอด หลายครั้งมาก เจอเพื่อนในธรรมศาสตร์หลายคนทั้งที่เราอยู่จุฬาฯ จนกระทั่ง มีวันนึง เราย้ายมาอยู่ธรรมศาสตร์ วันนั้นมีสายโทรเข้ามาจากรุ้ง ปนัสยา “กูจะทำม็อบ มาช่วยหน่อย” เราเซย์เยสเลย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามาอยู่ในแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม”
.
“หลังจากนั้นก็ช่วยงานแนวร่วมฯ มาตลอด ตั้งแต่ม็อบ 10 ส.ค. 19-20 ก.ย. ยาวมาถึงตอนตุลา เพื่อนถูกจับ จนกระทั่งมันไม่มีแกนนำแล้ว มันเป็นแฟลชม็อบรัวๆ จนกระทั่งได้ออกมาจับไมค์พูดจริงๆ ตรงหน้าสถานทูตเยอรมัน”
.
“ครั้งแรกที่โดนคดี ตอนเราออกมาพูดหน้าสถานทูต เราทำใจไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าฉันเปิดหน้าแล้วพูดถึงสถาบันกษัตริย์ มันมีเปอร์เซ็นต์ที่จะต้องโดน แต่ตอนแรกมันโดน 116 ยังไม่ใช้ 112 ตอนแรกบอกจะไม่ใช้ แล้วก็มาใช้ 112 เราก็โอเค โดนแต่ก็ไม่แคร์ ถ้า 112 เป็นปัญหา เราก็สู้ยกเลิก 112 จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหา เราก็เลยรู้สึกว่าช่างมัน ต่อให้จะออกกฎหมายมาปิดปาก ฉันจะสู้ เราถือว่าในฐานะที่เราเริ่มมีคนรู้จัก ยิ่งทำให้เราต้องออกพูด เพื่อกระจายมันให้มากที่สุด ขอให้เราได้เคลื่อนไหว ได้ออกมาต่อสู้จนถึงวันที่จะได้ขึ้นศาล ถามว่ากลัวไหม มันกลัว มันกลัวว่าเราจะได้ออกมาสู้ไหม แต่ถึงกระนั้นเองเราก็จะสู้ต่อ”
.
“เราไม่ใช่เขาหลายๆ คนที่อยู่ข้างบน แต่เรามีพลังประชาชน สิ่งที่เรากำลังก้าวเดินต่อจากนี้ อาจจะไม่ได้เห็นความสำเร็จเป็นรูปธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัด คือ อย่างน้อยทุกคนในสังคมเริ่มรับรู้ร่วมกันแล้วว่าเราต้องการอะไร เราได้หว่านเมล็ดพันธ์ุทางความคิดออกไปแล้ว เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นกำลังโต และเราเชื่อว่า เวลาผ่านไป เราสะสมแนวร่วมมากขึ้น อย่าเพิ่งท้อ อย่างเพิ่งหมดหวัง การเปลี่ยนแปลงมันจะดีขึ้นอย่างมั่นคงถ้าเรามีแนวร่วมมากพอ”
.
“สันติวิธี เป็นสิ่งที่เราพูดมาตลอด เชื่อเถอะค่ะ อดทนก่อน เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อความสะใจ เราต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงโดยคนหมู่มากเนี่ยแหละ เป็นสิ่งสำคัญ”
.
คำพูดส่วนหนึ่งของเบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 สืบเนื่องจากการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย 26 ตุลาคม 2563 จากเวทีเสวนาในหัวข้อ “ก้าวแรกคือชัยชนะ ก้าวอย่างสม่ำเสมอคือการต่อสู้” ณ หมู่บ้านทะลุฟ้า วันที่ 21 มีนาคม 2564
.
.
.
อ่านทั้งหมดได้ที่ https://freedom.ilaw.or.th/897
ดูคลิปเสวนาเต็มได้ทาง https://www.facebook.com/watch/live/?v=784838825782514&ref=watch_permalink