วันพุธ, ธันวาคม 04, 2562

สภาส่งออกฯ ครวญ 'หดตัว' หนักกว่าเก่า มีคำถาม “ประยุทธ์แท้จริงแล้วอยู่เพื่ออะไร"


ดั่ง ผีซ้ำและ ดั้มพลอยปัญหาเศรษฐกิจยุค ตู่อยู่ยาวหนักลงไปยิ่งกว่าเก่า วันก่อนมีคนชี้ว่า หนี้ของประเทศไทย เวลานี้เอาเข้าจริงเกือบ ๒๖๗% ของจีดีพี วานนี้ (๓ ธ.ค.) สภาผู้ส่งออกฯ ย้ำหัวตาปูมูลค่าติดลบถึง ๓%

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ( สรท.) แถลงด้วยความกังวลว่าการส่งออก อันเป็น “เครื่องจักรสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง” นั้น ยังหดตัวไม่หยุดจนต้องปรับคาดการณืใหม่

ว่าปี ๒๕๖๒ นี่สุดท้ายแล้วจะ ติดลบที่ระหว่าง ๒.๕ ถึง ๓ เปอร์เซ็นต์ ชัวร์ๆ ส่วนว่าจะอยู่ตรงจุดไหนในระหว่างนั้นแน่ ต้องดูการแข็งตัวของค่าเงินบาทต่อไป จึงเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งโดยไว

เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าปีหน้าอัตราแลกเปลี่ยนต่อ ๑ ดอลลาร์สหรัฐคงอยู่ที่ ๓๐.๕๐ บาท ซึ่งหมายความว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทยไปได้ดีที่สุดไม่ติดลบ แต่อยู่ที่ศูนย์ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสนใจในรายละเอียดของ ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออก๖ ประการที่ น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานฯ แจ้งไว้ นอกจากปัจจัยภายนอก เช่นสงครามการค้าสหรัฐ-จีน (ที่วันนี้ประธานาธิบดีทรั้มพ์หันไปฟัดกับบราซิลและอาร์เจ็นติน่าต่อด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก)

และ การ “เรียกเก็บเพิ่มค่า Bunker Surcharge ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของค่าระวางในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและกระทบต่อต้นทุนโดยรวมของผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้า” แล้วนอกนั้นจักต้องแก้ไขด้วยความสามารถการบริหารจัดการของรัฐ
 
ได้แก่ การแก้ไขค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่องที่กล่าวมาแล้ว ยังจะต้องระงับยับยั้งการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศ ที่วัดได้เพียง ๒.๔ ในไตรมาสที่สามของปีนี้ บวกกับอีกสองประการอันเกิดจากการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ (ตู่ ๒)

นั่นคือ “การเรียกเก็บ ภาษี ซึ่งเป็นต้นทุนผู้ประกอบการมีมากขึ้น เนื่องจากภาครัฐต้องการเพิ่มรายได้สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ” ประดุจดัง กงกรรม-กงเกวียนขนเงินจากคลังออกมาทุ่ม ประชารัฐแต่กลับไม่กระตุ้นการเติบโตเสียที

ก็เลยต้องคิดหาวิธี ถอนขนห่าน(เพราะ ปู ไม่อยู่ให้รีดเลือดแล้วมั้ง) อย่างเช่น “การเรียกเก็บภาษีความหวาน-ความเค็ม” นี่ก็เป็นปัจจัยลบ ต้านพลังผลักดันเพิ่มการส่งออก

อีกอย่างที่ สรท.วอนไว้ ว่า “กฎหมายและมาตรการภาครัฐที่กำหนดเพิ่มเติมในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นับเป็นการลดทอนความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออก” เธอยกตัวอย่าง “แนวคิดการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การแบนสารเคมีการเกษตร”

เหล่านั้นกำลังเป็นวัฏจักร หรือผลกระทบ ลูกโซ่“ทำให้เม็ดเงินที่กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจน้อยลง มีเงินหมุนเวียนสำหรับการบริโภคภาคเอกชนลดลง ส่งผลต่อเนื่องไปถึงการชะลอตัวของจีดีพี ในที่สุด”


เห็นแล้วก็ละเหี่ย เหมือนดั่งที่ Thuethan Prasobchoke เขียนบ่นไว้บนเฟชบุ๊คเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ บริหารประเทศอย่าง “ไร้ทิศทางและเละตุ้มเป๊ะอยู่แบบนี้” เขาถามว่า

“ประยุทธ์แท้จริงแล้วอยู่เพื่ออะไร...ทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ถึงวันอังคารก็มีอีเว้นท์ก่อนประชุม ครม. แล้วก็เดินทางไปโน่นมานี้ ไปเซลฟี่กับเมีย เสร็จแล้วก็กลับมาหยุดพักเสาร์อาทิตย์

ตกวันจันทร์ก็ไปพูดเรื่องโง่ๆ ให้เป็นข่าว แบบวันนี้ก็บอกคนไทยหมดเงินไปกับการแต่งตัว เสริมจมูก ไม่รู้จักพอเพียง ซึ่งไม่ใช่วุฒิภาวะที่ผู้นำประเทศจะมาพูดเรื่องหยุมหยิมแบบนี้...

หรืออยู่ตามสั่งของเจ้าของทุนรัฐประหาร ต้องอยู่เป็นประธานกฐินไปแบบนี้ให้พ้นวัน”

 
ถึงได้มีคนจำนวนมากคิดรายการ วิ่ง-ไล่-ลุงกันขึ้นในวันที่ ๑๒ มกราคมนี้ คิดอีกทีการออกไปวิ่งแบบเส้นทางไกล ถึงจะเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ผลคงไม่ได้ดังเป้าหมาย ประยุทธ์และพวก สาม ป. ไม่สำนึกแน่ๆ

เอาอย่างนี้ดีไหม รวมกำลังแต่ไม่ต้องวิ่งไกล (หลายคนคงไม่ถนัด) ร่วมกัน ถีบประยุทธ์ออกไป พร้อมๆ กันครั้งเดียว จะได้พวกไม่ใช่นักวิ่งมาร่วมอีกเยอะ ฮ่า ฮ่า