วันพุธ, มีนาคม 06, 2562

‘เจ้าของ ทบ.’ ตามล่ารัวๆ สีเขียวสีกากียิ่งตัวดีต้องเก็บ


ตามล่ารัวๆ ใครที่หือกับ เจ้าของ ทบ. สีเขียวสีกากียิ่งตัวดีต้องเก็บ หรือไม่ก็เอาชนักปักหลังไว้ก่อน เสร็จเลือกตั้งถ้าพวกมันมากูจะฟัน

ผบ.ทบ.ให้ลูกน้องไปแจ้งความในนามส่วนตัวต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีนำไทยที่ให้สัมภาษณ์เรื่องเหรียญตราของตนติดหน้าอกเปรอะ ในข้อหาหมิ่นประมาท ว่าเป็น “ข้อความไม่เหมาะสมทำให้เกิดความเสียหาย”

แล้วยังมีเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งจากการที่มีทหารคอยติดตามนักการเมืองเวลาหาเสียง ถึงจะอ้างว่าคอยดูแลในฐานะผู้ปกครองเผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ตาม แต่มันสร้างความอึดอัดก่อความรำคาญยิ่งนัก เหมือนมีใครคอยชะโงกจับตาอยู่บนหัวไหล่

คุณหญิงสุดารัตน์ พรรคเพื่อไทยเจอมาแล้วทนไม่ไหวต้องเดินไปถามกำลังพลที่ติดตาม นั่นขนาดเธอไม่เคยพูดอะไรแรงๆ นะ นี่ถึงทีเสรีพิศุทธ์บ้าง ตอนลงพื้นที่หาเสียงที่ปราจีนฯ ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ มีทหารชุดพรางตามติดแม้กระทั่งนั่งกินกลางวันร้านอาหารก็ไม่เว้น
 
หัวหน้าพรรคเสรีนำไทยจึงเดินเข้าไปพูดกับทหารคนนั้นว่า “ผมเป็นประชาชน คุณกินภาษีของผม อย่ามารบกวน อย่ามายุ่งกับผม ผมมาหาเสียง ไม่ได้ทำความเดือดร้อน ไปบอกนายคุณด้วย ให้ทำหน้าที่ป้องกันประเทศชาติ เป็นรั้วของชาติ ขอให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ขอให้ไปห่างๆ”

ถ้อยคำอาจจะกร้าวไปบ้าง ไม่ต่างกับที่หัวหน้า คสช. และพี่ใหญ่รองฯ ขึ้นมึงกู วะเว้ย เฮ้ยห่า กับผู้สื่อข่าวในที่สาธารณะ แต่ความเป็นเจ้าของกองทัพ เจ้าของประเทศ ของพวก คสช. ทำให้ทนไม่ได้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เอาเลย

อ้างว่าทหารผู้น้อย “สุภาพอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ ดูให้เกียรติต่อบุคคลอื่น โดยไม่มีทีท่ากร้าวร้าวหรืออวดเบ่ง” แต่ในทางกลับกัน การต่อว่าเหน็บแนมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ “เหมือนเป็นการแสดงออกไปในทางตรงข้ามกัน ทั้งที่เป็นผู้ใหญ่กว่า และขณะนี้อยู่ในสถานะบุคคลสาธารณะด้วย”

พอโฆษกชงอย่างนั้นทั่นรองฯ ประวิตรรับลูกทันที อันเป็นที่มาของวาจาวางอำนาจ “เป็นเจ้าของกองทัพ”

เริ่มจากกรณีที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกหมายเรียก พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
 
ข้อหา “แชร์ข่าวปลอม” เรื่องการไปดื่มกาแฟริมทางถ้วยละหมื่นสองกับที่ปรึกษานั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเป็นการตรวจสอบและจับกุมทางกฎหมาย โดยบอกไม่ได้ว่าพอใจหรือไม่

เมื่อถามอีกว่าที่เร่งดำเนินคดีเป็นเพราะ คสช. กลัวว่าพรรคอนาคตใหม่จะชนะการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนให้ทันทีว่า “ก็รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม (วะ)”

ครั้นถูกย้อนถามอีกในเรื่องที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตำแหน่ง ผบ.ทบ.แจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ “ในนามส่วนตัว” พี่ใหญ่รองหัวหน้า คสช.ดันตอบว่า “ผบ.ทบ. เป็นเจ้าของกองทัพบก และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปด่าเขา เขาก็ต้องไปแจ้งความ”


การตอบโต้ของฝ่ายรัฐประหารในฐานะผู้มีอำนาจ (เต็ม) ที่พยายามจะฟอกขาวการ ยึดอำนาจเพื่อประชาธิปไตยเช่นนี้ อาจเป็นเพียงปฏิบัติการจิตวิทยาแบบทหาร ที่ไม่ได้หวังผลเฉพาะหน้าในการหักล้างทำลายก่อนเลือกตั้ง

แต่การยื่นฟ้องของ บิ๊กแดง และการออกหมายโดย บิ๊กโจ๊กกับฝ่ายการเมืองตรงข้ามกับ คสช. ก็เป็นปฏิบัติการเชิงรุก ทับถมสัมภาระสุมใส่ฝ่ายตรงข้ามให้พะว้าพะวังกับคดีความ รอไว้หลังเลือกตั้งถ้าพลาดพลั้งก็ใช้คัดง้างยื้อต่อไปได้ หากชนะดังหวังก็จะจัดการเก็บให้ราบคาบโดยง่าย

แบบนี้ถ้าเป็นนักการเมืองพลเรือนเขาเรียก วิชามาร นี่เป็นทหารการเมืองจึงเรียกว่า ยุทธวิธีสองคำนี้มีเส้นแบ่งที่บางเฉียบมากในวิถีการเมืองไทย