วันอังคาร, มีนาคม 05, 2562

กกต.รับฟังยุบพรรคอนาคตใหม่ ปปช.ตีตกคดีบุญทรง มาตรฐานแน่นอน "เอาพวกรัฐประหารก่อน ประชาธิปไตยทีหลัง"


อย่างที่ ธนวัฒน์ วงศ์ชัย ว่าน่ะใช่เลย องค์กรอิสระของ คสช.นี่มาตรฐานแน่นอน เอาพวกรัฐประหารก่อน ประชาธิปไตยทีหลัง เมื่อ กกต.รับคำร้อง ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ นัดไต่สวน ๖ มีนานี้เลย

ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐเอาไว้ก่อน ๑ อาทิตย์ ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่รู้ กกต.สนใจดูเอกสารหรือเปล่าด้วยซ้ำไป

อีกองค์กร (ที่ว่า) อิสระ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น จัดการกวาดล้างระบอบทักษิณอย่างแน่วแน่ตลอดมา ดังคดีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยให้มีการระบายข้าวแบบ จีทูจีก่อเกิดความเสียหายต่อรัฐมูลค่ามหาศาล ซึ่งถูกพิพากษามีความผิด ศาลลงโทษจำคุกกว่า ๔๐ ปีไปแล้ว

ต่อมาเมื่อมีปฏิบัติการ ดูด อดีต ส.ส. โดยกลุ่ม สามมิตรของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เพื่อรวบรวมนักการเมืองจากพรรคเก่าๆ เข้าไปสะสมอยู่ในพรรคพลังประชารัฐที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ร่วมก่อตั้งเพื่อเป็นฐานคะแนนเสียงเสริม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีอีก

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็นหนึ่งในอดีตนักการเมืองที่มีคนของ คสช.เข้าไปคุยถึงในคุก จนกระทั่งปรากฏข่าวว่าลูกชายของนายบุญทรงย้ายสังกัดพรรคการเมืองจากเพื่อไทยไปอยู่พลังประชารัฐ

คดีเกี่ยวเนื่องกับการระบายข้าวอีกอย่างหนึ่งของนายบุญทรงที่ยังค้างอยู่ ในข้อหา “แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จี ทู จี...

เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนปกปิดความจริงที่ต้องเปิดเผยไปเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๑” นั้นอยู่ในขั้นตอนพิจารณามูลความผิดโดยคณะกรรมการปราบคอรัปชั่น (ปปช.) เพิ่งจะผ่านการวินิจฉัยก่อนการเลือกตั้งไม่ถึง ๒๐ วัน

“ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตีตกข้อกล่าวหานายบุญทรง” ในคดีดังกล่าว อ้างว่านายบุญทรงถูกตัดสินความผิดในเรื่องนี้ไปแล้ว การตั้งกรรมการตรวจสอบฯ โดยนายบุญทรงเพื่อใช้เป็นหลักฐานการต่อสู้คดีเท่านั้น ปปช.จึงวินิจฉัยให้ข้อกล่าวหาตกไป

ทำให้เกิดความกังขาต่อความถูกต้องของข้อวินิจฉัย โดย ปปช. ว่าเกี่ยวเนื่องไปถึงการย้ายพรรคไปพลังประชารัฐของลูกชายนายบุญทรงหรือไม่ อีกทั้งมีการสืบเนื่องกับกรณีที่ ปปช. ขุดคดีเก่าของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เอาขึ้นมาเล่นซ้ำอีกครั้งหรือไม่


ปปช.เปลี่ยนแนวการวินิจฉัยในคดีเดียวกันจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ เป้นประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐอย่างนี้ ย่อมทำให้เข้าใจ ไม่เป็นอื่นได้ทันทีว่า เอื้ออำนวยแก่พรรคพลังประชารัฐ

มาตรฐานอันเดียวกันนี่แหละที่ตุลาการใช้อยู่สม่ำเสมอ ดังที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดี ๗ ตุลาพันธมิตรฯ ปิดล้อมสภาไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี สามารถแถลงนโยบายเพื่อให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนชุดใหม่ของเขาเข้าบริหารงานในปี ๒๕๕๗ ได้
 
ศาลเลือกที่จะอ้างถึง การปราศรัย ซึ่ง พธม. กล่าวหา “ให้ข้อมูลข้อเท็จริงที่น่าเชื่อว่า” ทั้งรัฐบาลชุดก่อนของนายสมัคร สุนทรเวช และชุดของนายสมชาย “เป็นหุ่นเชิดของนายทักษิณ” (ชินวัตร) อีกทั้งโยงไปถึงกรณีที่รัฐบาลนายสมัครเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๗ และ ๓๐๙ เพื่อช่วย “ทักษิณพ้นจากการตรวจสอบคดีทุจริต ๑๓ โครงการโดย คตส.” ด้วย

รวมความว่าการอภิปรายโจมตีเหล่านั้นเป็นการ “ร่วมตรวจสอบนักการเมือง” และ “นำข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นมาสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ” ไม่ถือเป็นความผิดตามคำฟ้องทั้ง ๕ ข้อหา


ทว่าประเด็นที่เป็นหัวใจของคดีนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่อเหล็กและไม้พลอง รวมทั้งการพกพาระเบิดปิงปองในสถานที่ชุมนุม จนเกิดระเบิดขึ้นใต้รักแร้ในครอบครองของ น้องโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ จนเสียชีวิต
กับการวางระเบิดแสวงเครื่องในรถจี๊บที่ สารวัตรจ๊าบกระโดดขึ้นขับพุ่งมุ่งเข้าสู่ที่ทำการพรรคชาติไทย แต่เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อนทำให้พันตำรวจโท เมธี ชาติมนตรี เสียชีวิต ทั้งคู่กลายเป็นวีรสตรี วีรบุรุษ ของพันธมิตรฯ ไป

ทั้งนี้ ธนาพล อิ๋วสกุล ตั้งข้อสังเกตุว่า การที่ศาลไม่ยอม (หรือไม่กล้า) ตัดสินความผิดของแกนนำพันธมิตรฯ ๒๑ คนในเหตุการณ์นี้ เนื่องเพราะสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จไปงานศพของน้องโบว์ และนายอานันท์ ปันยารชุน ไปเป็นประธานงานศพของสารวัตรจ๊าบ