วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 27, 2557

อินโฟ + กราฟฟิค เครือข่าย "พงศ์พัฒน์" และพวก


จาก ข้อมูล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ แผนผังเครือข่ายการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หรือกิ๊ก แสดงตัวเสมือนเป็นสัญลักษณ์สถาบันเพื่อหวังผลประโยชน์ ร่วมกันวางแผนกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ หรือ โก ที่มีพฤติกรรมเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน เปิดบ่อน แอบอ้างเบื้องสูง โดยมี พล.ต.ต.บุญสืบเรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อน เก็บรวบรวมส่วยรายเดือนให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ที่เรียกรับเงิน หรือทรัพย์สิน เก็บรวบรวมส่งส่วยรายเดือนที่ พล.ต.ต.โกวิทย์ ขณะที่ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หรืออั้ม เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน และรวบรวมเงินที่ได้จากการซื้อตำแหน่ง ส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มี ด.ต.สุรศักดิ์ เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ส่วน ด.ต.ฉัตรินทร์ ทำหน้าที่พลขับให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน เก็บรวบรวม ส่งส่วยรายเดือนให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ โดยมีนางปิยพรรณ และนายชอบ ชินนะประภา เป็นนอมินี ถือทรัพย์สินแทน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ooo

ออกหมายจับเพิ่มอีก 5 คดีแอบอ้างเบื้องสูงทวงหนี้-กรรโชกทรัพย์ เอี่ยว ‘พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์’

Wed, 2014-11-26 18:05
ที่มา ประชาไท

โฆษกสตช. เผยสืบสวนพบว่ามีกลุ่มที่แอบอ้างสถาบัน ทำการทวงหนี้หาประโยชน์โดยมิชอบ โดยศาลได้ออกหมายจับทั้ง 5 คนแล้ว ระบุมีความเกี่ยวข้องกับ ‘พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์’ ถอดยศ ‘ว่าที่พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา’ หนึ่งในผู้ต้องหาแล้ว หลังวานนี้พระราชทานเครื่องราชฯ

26 พ.ย.2557 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบัน ทำการทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดปรากฏรายชื่อ ดังนี้ 1. นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2. นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3. นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา 4. นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และ 5.นายชากานต์ ภาคภูมิ

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับบุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. โดยมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องขออนุมติหมายจับต่อศาล ศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธโดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์ เหตุเกิดในเขตรับผิดชอบของ สน.พระโขนง และขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดได้ถูกจับกุมแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะนำของกลางคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไปแสดงที่ ร.1 พัน.3

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการจับกุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กับพวก ร่วมกันกระทำความผิดเรียกรับผลประโยชน์ทั้งบ่อนการพนันและส่วยน้ำมันเถื่อนว่า ล่าสุดสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เพิ่มเติมได้อีก 5 รายมีทั้งทหารและพลเรือน ขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดถูกจับกุมแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะทำการสืบสวนต่อไป หากสืบสวนพบว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถบอกจำนวนที่แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกกี่ราย

“กลุ่มคนพวกนี้มีการแอบอ้างสถาบันฯ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทุกๆ ด้าน ซึ่งคดีนี้ตำรวจคงจะมีการขออกหมายจับเรื่อยๆ ไม่สามารถเร่งได้ หากพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการ ทุกอย่างว่ากันตามพยานหลักฐาน เป็นไปตามข้อเท็จจริง และยังตอบไม่ได้ว่ามีจำนวนกี่คน เพราะในการสอบสวน การจะออกหมายจับใครต้องมีพยานหลักฐานรองรับ” ผบ.ตร.กล่าว

ถอดยศ ‘ว่าที่พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา’ หลังวานนี้พระราชทานเครื่องราชฯ

ทั้งนี้ 1 ในผู้ที่ถูกออกหมายจับมีชื่อพ้องกับ ว่าที่ พ.ต. ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ที่พึ่งมีราชกิจจานุเบกษา วานนี้ (25 พ.ย.) ที่เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 57 ให้แก่นายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม

ซึ่ง โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า พล.ต.ต.ประวุฒิ โฆษกสตช. เปิดเผยว่า ว่าที่พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา เป็นคนเดียวกับ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ซึ่งศาลได้อนุมัติออกหมายจับข้อหา“ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใดไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธโดยร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันลักทรัพย์” กรณีมีส่วนพัวพันกับแก๊งพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และได้ถูกถอดยศพ้นจากตำแหน่งทางราชการแล้ว
ooo
ชูวิทย์ แฉแหลก อักษรย่อ ก. และ จ. ร่วมขบวนการ"พงศ์พัฒน์" https://www.youtube.com/watch?v=SiksFrsqEIk
ooo

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ไทยอีนิวส์ได้จาก FB อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล คือ...

...การกวาดล้าง (จับแล้ว-ออกหมายจับ) นายตำรวจระดับสูงและพลเรือน ซึ่งหลายคนในนั้น มีความสัมพันธ์ทางญาติกับพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ คนหนึ่งเป็นน้าแท้ๆ อีกคนเป็นถึงน้องชายแท้ๆ และยังมีคนนามสกุลเดียวกัน (อัตรพงศ์ปรีขา) อีก

อีกคนหนึ่งที่ถูกออกหมายจับ สุดาทิพย์ ม่วงนวล เป็นพี่สาวแท้ๆของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ขณะทีสามี พ.ต.ท.โกวิท ม่วงนวล ที่ถูกกวาดล้างด้วย ก็คือพี่เขย

ซึ่งข้อมูลนี้ไทยอีนิวส์ยังไม่สามารถยืนยัน
ooo

ประมวลข่าวจับ"พงศ์พัฒน์"และพวก-ตะลึงพบของล้ำค่าหมื่นชิ้น-ยังมีตร.เอี่ยวอีก-ล่าเพิ่ม

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 09:51:25 น
ที่มา มติชนออนไลน์

15จุดกรุสมบัติ"พงศ์พัฒน์" ทุบห้องลับ ตะลึงของล้ำค่าหมื่นชิ้น

พุทธรูป-วัตถุโบราณ-ทอง "บิ๊กอ๊อด"แฉเครือข่ายส่วย ชี้ยังมีตร.เอี่ยวอีก-ล่าเพิ่ม ปปง.-ปปช.โดดสอบด้วย


@ ′สมยศ′แจงคดี′พงศ์พัฒน์-พวก′

ความคืบหน้าการจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4 ปคบ. พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. และพลเรือนมี นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ภรรยา พ.ต.อ.โกวิท นางสวงค์ มุ่งเที่ยง นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช นายชอบ ชินนะประภา และนางปิยพรรณ ชินนะประภา รวม 12 คน โดย พ.ต.อ.โกวิทและนางสุดาทิพย์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์โดยรวมๆ อาทิ กระทำการเปิดบ่อน เรียกรับเงินชื้อขายตำแหน่งรับส่วยน้ำมันเถื่อนรวมถึงแอบอ้างสถาบันนั้น

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) รรท.ผบก.ป. ร่วมแถลงคดีจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวกรวม 12 คน

@ ค้น15จุดซุกทรัพย์สิน2พันล.

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับพวกประพฤติตนไม่เหมาะสม แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ จึงสืบสวนทางลับพบว่ามีมูล ผบ.ตร.ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป.และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. ซึ่งเสียชีวิตแล้ว มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า เมื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพอมีมูลเชื่อได้ว่ากระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ผบ.ตร.ได้รายงานให้รัฐบาลรับทราบและรัฐบาลมีคำสั่งให้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหาร ตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และเครือข่าย 15 แห่งตรวจยึดทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท

@ แฉซุกตู้เซฟ-ฝังดิน-อำพราง

ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดชแถลงรายละเอียดการตรวจยึดของกลางในเครือข่ายการกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก โดยเปิดภาพวีดิทัศน์ประกอบการ โดย พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า การตรวจค้นทั้งหมดมี 15 จุด เป็นของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุด พล.ต.ท.โกวิทย์ 1 จุด พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ 1 จุด และที่เหลือเป็นของเครือข่าย

พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า ในส่วนของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุด อยู่ใน จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และคอนโดฯในเขต กทม. พบตู้เซฟซุกซ่อนอย่างดี ฝังดิน ปิดบังอำพรางตู้เซฟไว้ที่บ้าน ซึ่งยังก่อสร้างไม่เสร็จ มีการพรางให้เห็นว่าจุดนั้นไม่น่าสนใจ บางจุดฝังตู้เซฟใต้พื้นบ้าน พื้นซีเมนต์ โบกปูนทับ มีห้องนิรภัยติดตั้งลูกกรงเหล็กไว้อย่างดี บางจุดต้องใช้รถแบ๊กโฮขุดทำลายเพื่อเปิดเซฟ บ้านบางหลังอำพรางในตู้ไม้ธรรมดา

@ วัตถุโบราณ-เครื่องประดับอื้อ

"นอกจากนี้พบวัตถุโบราณหายาก ล้ำค่า ต้องเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรร่วมตรวจสอบถึงมูลค่าและที่มาที่ไป อย่างไร เพื่อตกเป็นของแผ่นดิน อาทิ งาช้าง พระเครื่อง พระพุทธรูปบูชา ล้วนเป็นศิลปะเก่าแก่จำนวนมาก ภาพเขียนหายาก เงินสด ธนบัตรไทยและต่างประเทศ แสตมป์ทองคำ ราคาสูงมาก มีเพียงไม่กี่ชิ้นในประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ในเซฟ มีเครื่องเพชร พลอย เครื่องประดับ รวมทั้งเครื่องเงิน เครื่องลายคราม เฟอร์นิเจอร์มุก นอกจากนี้ยังมีรถราคาสูงต่างๆ ยึดไว้ได้มากมายมหาศาลจริงๆ" พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าว

(บน) ปปง.จ่อยึด - พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาฯปปง. แถลงถึงกรณี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ซุกทรัพย์สินจำนวนมากว่า จะตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เข้าข่ายการฟอกเงินและต้องยึดเป็นของรัฐ ที่สำนักงาน ปปง. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน

(ล่าง) ฝากขัง - เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายชอบและนางปิยะพรรณ ชินนะประภา สองสามีภรรยาผู้ต้องหาที่เป็นนอมินีฟอกเงินให้กับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์ ไปยื่นขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน

@ เชื่อยังมีทรัพย์สินซุกซ่อนอีก

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ มีความละเอียดอ่อน จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกได้ วันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เอามานำเสนอ ไขข้อข้องใจ ว่าไม่ได้เป็นการสร้างภาพ หรือทำขึ้นเพื่อยัดเยียดกลั่นแกล้ง เหล่านี้คือหลักฐานยืนยันว่าทั้งหมดร่วมกันกระทำผิด ยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้เนื่องจากเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น กำลังสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เชื่อว่ายังมีทรัพย์สินซุกซ่อนไว้อีก ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

@ แสดงชาร์ตเครือข่ายกระทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ ผบ.ตร. และคณะ นำแผ่นซาร์ตหรือแผนผังเครือข่ายการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่นำมาแสดงประกอบการแถลงด้วย ทั้งนี้ในแผนผังระบุ มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หรือกิ๊ก แสดงตัวเสมือนเป็นสัญลักษณ์สถาบันเพื่อหวังผลประโยชน์ ร่วมกันวางแผนกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ หรือ โก ที่มีพฤติกรรมเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน เปิดบ่อน แอบอ้างเบื้องสูง โดยมี พล.ต.ต.บุญสืบเรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อน เก็บรวบรวมส่วยรายเดือนให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ที่เรียกรับเงิน หรือทรัพย์สิน เก็บรวบรวมส่งส่วยรายเดือนที่ พล.ต.ต.โกวิทย์ ขณะที่ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หรืออั้ม เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน และรวบรวมเงินที่ได้จากการซื้อตำแหน่ง ส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มี ด.ต.สุรศักดิ์ เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินส่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ส่วน ด.ต.ฉัตรินทร์ ทำหน้าที่พลขับให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สิน เก็บรวบรวม ส่งส่วยรายเดือนให้ พล.ต.ต.โกวิทย์ โดยมีนางปิยพรรณ และนายชอบ ชินนะประภา เป็นนอมินี ถือทรัพย์สินแทน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

@ ′บิ๊กตู่′ยันคดี′กิ๊ก′ยึดกม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์การจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกว่า เป็นการตรวจสอบตามกลไกของกฎหมายทุกประการ ขอยืนยันอีกครั้งว่าทุกอย่างต้องเข้ามาสู่กระบวนการ ไม่ใช่ทุกอย่างจะไปจี้ให้ทำนั่นนี่ ถ้าไม่ผิดอย่างไรก็ไม่ผิด แต่ถ้าผิดจะให้บอกว่าไม่ผิดมันไม่ได้ กฎหมายต้องว่ากันตามกฎหมาย

@ ชี้ผิดส่วนตัวอย่าเหมารวม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่อยากให้บอกว่าเป็นเรื่องของวงการตำรวจ แต่เป็นเรื่องของตำรวจบางนาย หรือบางคน บางกลุ่ม บางพวก บางผลประโยชน์ อย่าไปบอกว่าเป็นปัญหาของวงการตำรวจ ตำรวจดีๆ มีอีกมาก

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะขยายผลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การขยายผลก็ต้องไปสอบสวนต่อว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง โดยไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผิดก็คือผิด

@ ฮึ่มไม่ละเว้น′บิ๊กตร.′ทำผิด

เมื่อถามว่า จากนี้ไปคาดหวังว่าปัญหาเรื่องส่วยจะลดลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีความคาดหวัง ถ้าตราบใดที่คนให้กับคนรับไม่เอื้อประโยชน์หรือสมยอมต่อกัน มันก็เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ต้องโทษทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้รับไปเรียกร้อง ส่วนผู้ให้ก็สมยอม เพราะตัวเองได้ประโยชน์ ก็ไม่รู้ว่าไปยอมทำไม ถือว่ามีความผิดทั้งคู่ ทั้งเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง

วันนี้ทุกอย่างแสดงผลออกมาแล้วว่าไม่มีอำนาจใดที่จะมาปกป้องผู้ที่กระทำความผิดตำรวจใหญ่ขนาดไหนถ้าทำความผิดและมีหลักฐานต้องถูกดำเนินคดีบางอย่างต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

@ฝากขังน้องเขยน้องสาว′บิ๊กกิ๊ก′

ที่ศาลอาญา พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 631/2557 ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกนายชอบและนางปิยพรรณ สามีภรรยา ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานฟอกเงิน 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน-6 ธันวาคมนี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำอีก 50 ปาก ท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงจะหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือนตุลาคม 2553-1 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็น ผบช.ก.ได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเรียกร้องเงินหรือผลประโยชน์จากตำรวจที่ประสงค์จะไปรับตำแหน่งสูงขึ้น หลังจากได้รับเงินหรือผลประโยชน์ต่างๆ แล้ว ได้ส่งให้ผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นน้องเขยและน้องสาว นำเงินไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด อันเป็นการฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5), (9) และมาตรา 5 (1), (2) และมาตรา 60 ประกอบมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา ต่อมาพนักงานสอบสวนได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจากศาลอาญา จับกุมตัวดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

@ผบ.คุกแนะ5ตร.ปรับตัว

ขณะที่นายอายุตม์ สินธพพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พูดคุยกับผู้ต้องขังทั้ง 5 คน ประกอบด้วย พล.ต.ต.โกวิทย์ พล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.วุฒิชาติ ด.ต.สุรศักดิ์ และ ด.ต.ฉัตรินทร์ ที่แดนแรกรับ เกี่ยวกับกฎระเบียบ ความเป็นอยู่ในเรือนจำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร โดย ด.ต.ฉัตรินทร์ป่วยเป็นโรคหัวใจ ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่สถานพยาบาล ต้องรอให้อาการดีขึ้นจึงจะนำมาควบคุมตัวรวมกัน

@ มื้อแรกซื้อข้าวสหกรณ์กิน

นายอายุตม์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ให้ผู้ต้องขังที่เป็นตำรวจอยู่รวมกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากเป็นไปได้ว่าอาจมีคนร้ายที่อยู่ในเรือนจำที่เคยถูกตำรวจกลุ่มนี้จับกุมมาก่อกวนและอาจเกิดอันตรายได้และอีกประมาณ2สัปดาห์ จะจำแนกคัดแยกผู้ต้องขังคดีต่างๆ เพื่อนำตัวไปไว้ในแต่ละแดน หากมีผู้ต้องขังเข้ามาเพิ่มเติม ก็จะนำทั้งหมดมารวมกลุ่มเช่นกัน

"ทั้งนี้ ช่วงเช้าผู้ต้องขังไม่ได้รับประทานอาหารของเรือนจำ แต่ได้สั่งซื้อผ่านร้านอาหารของสหกรณ์มารับประทานร่วมกัน โดยเป็นระเบียบของเรือนจำว่าผู้ต้องขังแต่ละคนต้องมีบัญชีเงินส่วนตัวใช้จ่ายซื้ออาหารหรือสินค้าภายใน โดยมีวงเงินใช้ได้วันละ 300 บาทต่อคน" นายอายุตม์กล่าว

@ ฉีดยา′วุฒิชาติ′คลายเครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ที่ทางเรือนจำ เปิดให้ญาติผู้ต้องขังลงทะเบียนเยี่ยม ได้มีครอบครัวและญาติสนิทของนายตำรวจทั้ง 5 นาย ทยอยเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งภรรยา พล.ต.ต.บุญสืบ ได้พาคนในครอบครัวกว่า 10 คนมาเยี่ยม

ข่าวแจ้งว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.วุฒิชาติเกิดอาการเครียดพูดจาโวยวายคนเดียว เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงนำตัวไปแดนพยาบาลเพื่อฉีดยาคลายเครียดในช่วงเช้ามีอาการดีขึ้น

ด้านนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า คืนแรกได้รับรายงานจากนายอายุตม์ว่าผู้ต้องขังมีอาการเครียดบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ ต้องให้เวลาปรับตัว สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากตำรวจว่าจะส่งตัวเข้าเรือนจำเมื่อไหร่

@ กรมศิลป์พร้อมตรวจโบราณวัตถุ

นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปช่วยตรวจสอบพระพุทธรูป พระเครื่อง และโบราณวัตถุที่พบในบ้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แต่หากได้รับการประสานก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดตรวจของกรมศิลปากรไปตรวจสอบได้ทันที ทั้งนี้ ในการตรวจสอบจะต้องให้ผู้ครอบครองแจ้งที่มาที่ไปของโบราณวัตถุที่ครอบครองอยู่ว่าได้มาอย่างไร หากไม่สามารถแจ้งหรือระบุความเป็นเจ้าของได้ โบราณวัตถุเหล่านั้นจะต้องตกเป็นสมบัติของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุ พ.ศ.2535 แต่หากระบุว่าโบราณวัตถุที่ครอบครองมีผู้ให้มา หรือซื้อมา ก็ตรวจสอบความเป็นมาได้ไม่ยาก

@ ยันคดี′พงศ์พัฒน์′เข้าฟอกเงิน

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงการตรวจสอบทรัพย์สิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวกว่า คดีดังกล่าวเข้ามูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน โดยทรัพย์สินของกลางทั้งหมดอยู่ระหว่างการทำบัญชีรายการทรัพย์สิน เพื่อสะดวกในการตรวจสอบก่อนส่งมอบให้กับ ปปง. เบื้องต้นได้หารือกับ พล.ต.อ.สมยศ ว่าควรแยกบัญชีรายการประเภททรัพย์สิน เท่าที่ทราบมีกว่าหมื่นชิ้น

พ.ต.อ.สีหหนาทกล่าวต่อว่า การซื้อขายวัตถุโบราณตามกฎหมาย ปปง.มาตรา 16 ถือเป็นการประกอบอาชีพค้าของเก่ามีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรม หากไม่รายงานต้องเสียค่าปรับครั้งละ 500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 5,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ขายให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทั้งนี้ ปปง.จะติดตามเพื่อเอาผิดกับร้านขายของเก่าที่นำของมาขาย หากไม่สามารถติดต่อได้ ผู้ต้องหาต้องชี้แจงถึงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน

@ เชื่อมโยงคดี′เสี่ยโจ้′ภาคใต้

"ผมคาดว่าวัตถุโบราณจำนวนมากที่พบน่าจะมาจากการนำเงินที่รับส่วยไปซื้อหาคงไม่มีใครนำพระพุทธองค์ใหญ่โตมาเป็นค่าซื้อขายตำแหน่งแต่คาดว่าสิ่งของเหล่านั้นได้มาจากการฟอกเงินในขบวนเปิดบ่อนหรือรับส่วยค้าน้ำมันเถื่อน" พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว

เมื่อถามว่ามีความเชื่อมโยงการเรียกรับสินบนระหว่าง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กับนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้หรือไม่ เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า พบความเชื่อมโยงกับคดีกระทำผิดของนายสหชัย แต่ถ้าถามว่าเชื่อมโยงตรงไหนคงไม่เห็นเพราะจ่ายเป็นเงินสด แต่ในทางสืบสวนสามารถรู้ได้ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้มีส่วนหนึ่งสนับสนุนผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ เพราะการขนน้ำมันต้องผ่านจุดที่ผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ดูแลอยู่จึงต้องมีการจ่ายค่าคุ้มครอง

@ป.ป.ช.เล็งสอบรวยผิดปกติ

นายสรรเสริญพลเจียกเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมพยานหลักฐาน และภายในสัปดาห์นี้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานกับตำรวจ เพื่อขอดูทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ที่ถูกยึดได้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อเปรียบเทียบว่าตรงกับทรัพย์สินที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เคยยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ผบช.ก.หรือไม่

"จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่ง หากเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน หรือร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช.ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะมีพยานหลักฐานอยู่แล้ว นอกจากนั้น ป.ป.ช.จะตรวจสอบขยายผลไปถึงกรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย" นายสรรเสริญกล่าว

(มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 26 พ.ย. 2557)