ภูมิธรรมนี่ยังไง ทำไขสือกับข้อเสนอแก้ไข พรบ.จัดระเบียบกลาโหม ของประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ศ.พรรคเพื่อไทยด้วยกัน บอกต้องรอผลศึกษา “จะเปลี่ยนให้ได้ถึงขนาดไหน อย่างไร ก็ต้องดูข้อเท็จจริงและดูความเห็นจากทุกฝ่าย”
แบไต๋ “ไม่มีเจตนาลดอำนาจทหารอยู่แล้ว เพราะเขาก็มีกฎระเบียบ กฎหมายของเขาในการควบคุมดูแลเหมือนพลเรือน” ส่วนที่มีข้อสังเกตุว่าถ้าร่าง กม.ฉบับนี้ผ่าน การรัฐประหารจะรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา ภูมิธรรมหาว่าสื่อชอบคิดไปก่อน
แถมตอกย้ำในฐานะ รมว.กลาโหมด้วยว่า ตอนนี้ทหารกับฝ่ายการเมืองคุยกันได้ดี แต่เรื่องเปลี่ยนแปลงการจัดระเบียบราชการ ยังไม่เคยได้คุยกับพวกผู้บัญชาการเหล่าทัพเลยสักนิด โทษสื่อตามเคยว่าคิดเกินเลย “จะสร้างแต่ความขัดแย้ง”
เอ๊ะ ยังไง ไม่คิดจะไว้หน้า ส.ส.ของพรรคบ้างเลย ทั้งๆ ประยุทธ์หาได้เป็นเด็กฟันน้ำนม รุ่นเก๋ากว่าเสียด้วยซ้ำ ที่หาญกล้าเสนอแนวทางก้าวหน้าได้ขนาดนี้ น่าจะมีอะไรบางอย่างฝังลึกกับแนวทางประชาธิปไตยพอควรแหละ
อ้างตนเป็นประธานการประชุม ไม่อยากพูดอะไรเมื่อมีการเสนอแนวทางนั้นขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก เพราะตรงกับที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอไว้แล้ว ทั้งเรื่องให้ ครม.แต่งตั้งนายพล นายกฯ เป็นประธานสภากลาโหม และห้ามใช้กำลังของกองทัพยึดอำนาจ
ส.ส.จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พรรคประชาชนยังบอก ข้อเสนอคล้ายกันอย่างนี้ทำไมไม่รับหลักการทั้งสองร่าง แล้วลุยไปด้วยกัน โดยเฉพาะร่างฯ ของพรรคประชาชนจะพ้นกำหนด ครม.นำไปศึกษา พร้อมกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาในการประชุมสมัยหน้าเร็วๆ นี้
“ผมคิดว่า ถ้าเรามีความตั้งใจเดียวกัน ที่ต้องการเห็นกองทัพอยู่ใต้พลเรือนตามหลักประชาธิปไตย” จิรัฏฐ์บอกให้รับร่างของพรรค ปชน.แล้วไปร่วมกันทำงานในวาระสอง หากสำเร็จจะเป็นผลงานโดดเด่นของทั้งสองพรรค น่าภูมิใจสำหรับสภาชุดที่ ๒๖ นี้
น่าอนาถว่า รองนายกฯ ที่ว่าการกระทรวงกลาโหม กลับออกมาแสดงตน ‘หวงก้าง’ แทนพวกแม่ทัพนายกอง เสียก่อนแล้ว การเมืองข้ามขั้วนี่มันเปลี่ยนบุคคลิกภาพและสีผิว ของแกนนำพรรคเพื่อไทยรุ่นตระบัดสัตย์ให้ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ได้ชงัดเหลือหลาย
(https://www.matichon.co.th/politics/news_4942762 และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/35b56ZyC7fa9X)