วันศุกร์, สิงหาคม 11, 2566

อ.ปวิน วิเคราะห์จุดยืน ‘รอยัลลิสต์’ ของทักษิณ



เดือนมิถุนายน ปี 2549 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าภาพจัดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของในหลวง ร.9 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีสมาชิกราชวงศ์และผู้แทนพระองค์จากต่างประเทศเข้าร่วมทั้งหมด 25 ประเทศด้วยกัน จากการส่งคำเชิญของรัฐบาล เรื่องนี้ ทักษิณเคยเล่าย้อนความหลังการแสดงความจงรักภักดีในครั้งนั้น ในรายการ CareTalk x CareClubHouse เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ด้วย

“ถือว่าเป็นงานใหญ่มาก แต่อันนั้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีไง” คือความเห็นของปวิน

นี่คือตัวอย่างท่าทีการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ของทักษิณในมุมมองของปวิน ซึ่งเขาอธิบายต่อว่า ภายหลังจากที่รับรู้ได้ว่า ‘สัญญาณไม่ดี’ จากการถูกมองว่ามาเป็นคู่แข่ง ‘ไพ่รอยัลลิสต์’ ก็คือไพ่ใบเดียวที่ทักษิณจะเล่นได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีที่เริ่มอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การดำรงตำแหน่งนายกฯ วาระแรก ช่วงปี 2544-2548

แต่ปวินอธิบายต่อมาว่า การมาของกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งแต่ปี 2548 ยิ่งทำให้ทักษิณตระหนักได้ว่า “ฝั่งตรงข้ามรุกเต็มที่” และต้องแสดงความจงรักภักดีมากกว่าเดิม “ตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นมา มันเป็นตัวกำกับความคิดของทักษิณทางด้านการเมืองเลย คือ ต้องจงรักภักดีเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด”

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจะเล่น ‘ไพ่รอยัลลิสต์’ เพื่อตอบโต้ข้อครหา แต่ก็อย่างที่รู้กันในประวัติศาสตร์การเมืองว่ามันไม่ได้ผล ปวินอธิบาย “ผมว่า ทักษิณพยายามแสดงการ์ด เล่นการ์ดกลับ แต่ว่าไม่เวิร์ค ชัดเจนว่า เพราะว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ได้สนับสนุน (endorse) ทักษิณตั้งแต่แรก”

ท้ายที่สุด นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ทักษิณต้องถูกกำจัดด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ในทัศนะของปวิน

วิเคราะห์จุดยืน ‘รอยัลลิสต์’ ของทักษิณ

ตัดภาพมา 17 ปีให้หลัง ทักษิณกล่าวในรายการ CareTalk x CareClubHouse วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 หรือ 2 วันหลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด:

“ผมจงรักภักดี ครอบครัวผมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมกับคุณหญิงพจมาน สมรสพระราชทานนะ ดังนั้นความสำนึกยังมีอยู่ จะให้ผมไม่มีมันเป็นไปไม่ได้เลย หากพรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สิ่งไหนที่พรรคก้าวไกลจะทำ ซึ่งคิดว่าไม่ทำ โดยทำอะไรกระทบกับสถาบันกษัตริย์เราก็คงไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาแต่เราไม่ใช่ขวาจัด ตกขอบ แต่เราถือว่าเราเป็นคนไทยต้องเคารพสถาบันกษัตริย์ ชัดเจนครับ ไม่มีบิดพลิ้ว นี่คือผม”

17 ปี จนถึงปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่ทักษิณต้องลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศ ครอบคลุมการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่คนรุ่นใหม่และประชาชนเริ่มออกมาตั้งคำถาม นับตั้งแต่ปี 2563 รวมถึงเรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ไปจนกระทั่งเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

หลายคนอาจตั้งคำถาม แล้วทำไมคนอย่างทักษิณจึงยังคงแสดงความ ‘จงรักภักดี’ ไม่เปลี่ยนแปลง?

เมื่อพิจารณาดู จุดยืนรอยัลลิสต์ของทักษิณถูกตอกย้ำทั้งในความเคลื่อนไหวของตัวเขาเอง และของพรรคเพื่อไทย ทั้งในเชิงนโยบายและในเชิงสัญลักษณ์

ในเชิงนโยบาย ปวินอธิบายว่า “เพื่อไทยไม่เคยมีนโยบายในการท้าทาย (challenge) สถาบันกษัตริย์เลย และตัววัดคือ ม.112 เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพราะมันไกลเกินไป” แต่แม้แต่เรื่อง ม.112 หลังจากเลือกตั้งก็ได้เห็นแล้วว่า เพื่อไทยประกาศว่าไม่มีการแก้ “ในเรื่องเกี่ยวกับนโยบาย (macro-policy) พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงความโอหัง ไม่เคยแสดงความท้าทายอีกเลย” ปวินวิเคราะห์

ในเชิงสัญลักษณ์ คือการที่ทักษิณประกาศแสดงความจงรักภักดีในทุกๆ วันสำคัญ อาทิ วันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งปวินมองว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนก็ได้ เพียงแต่ไม่ต้องออกมาวิจารณ์

“แต่ในความคิดของทักษิณ การไม่เขียนคือการด่า เพราะฉะนั้น ฉันต้องเขียน ฉันต้องยืนยันความจงรักภักดีกับสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าในโอกาสใดก็ตาม”

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? “เพราะเขายังคิดว่า นั่นมันเป็นทางเลือกเดียวของเขาไง” ปวินตอบ “ผมคิดว่า เขายังประเมินสถานการณ์แบบเดิมอยู่ เพราะตัวเองคิดเสมอว่า สู้ยังไงก็ไม่ชนะ มันเหมือนกับว่า มันมีอยู่ทางเลือกทางเดียว คือ ฉันต้องประนีประนอมเท่านั้น”

เขาวิเคราะห์ต่อไปว่า เป็นเพราะทักษิณรู้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันรอบๆ ยังเข้มแข็งอยู่ และแม้จะมาอยู่กับประชาชน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ รวมถึงการที่ทักษิณยังมีเดิมพันอยู่ในประเทศ คือต้องปกป้องไม่ให้ผลประโยชน์ของตัวเองในประเทศถูกกระทบ และครอบครัวต้องไม่ถูกกระทบ

ต่อจุดยืนในเรื่องนี้ของทักษิณ ปวินวิพากษ์ว่า “แม้แต่ความคิดของเค้า ณ ปี 2548-2549 ก็ไม่เวิร์ค แต่แน่นอน เขาคิดว่ามันเวิร์ก มันก็เลยทำให้เป็นคำอธิบายว่า ทำไมทักษิณถึงยังต้องคงความเป็นรอยัลลิสต์จนถึงทุกวันนี้ เพราะยังคิดว่ามันเป็นไพ่ใบเดียวที่เล่นได้ ในความเป็นจริงแล้วมันมีไพ่อีกหลายใบที่จะเล่น คุณพร้อมจะเล่นไหมล่ะ คุณไม่พร้อมไง”

ท้ายที่สุด เราขอให้ปวินแสดงความเห็นต่อความเป็น ‘รอยัลลิสต์’ ของทักษิณ ซึ่งเขาใช้คำว่า futile (เปล่าประโยชน์) “ณ วันนี้ ประชาชนทั่วไปก็รู้ว่ามัน futile และมันมาถึงจุดที่ futile มากๆ เพราะว่าประชาชนต้องการสิ่งใหม่แล้ว ประชาชนไม่ต้องการความจงรักภักดี ประชาชนต้องการ ‘reform’ ไม่ใช่ ‘loyalty’ แล้วทักษิณให้ไม่ได้”

ส่วนหนี่งจากบทความ
ล้มเจ้าหรือรอยัลลิสต์? คุยกับ อ.ปวิน ย้อนดูความสัมพันธ์ทักษิณ-เจ้า
The Matter





The MATTER
8h
·
สรุปว่า ทักษิณ ชินวัตร ล้มเจ้า หรือเป็นรอยัลลิสต์กันแน่?
.
10 สิงหาคม กำหนดการเดิม (ซึ่งถูกเลื่อนไปแล้ว) การกลับบ้านของอดีตนายกฯ คนที่ 23 ของไทย The MATTER สนทนากับ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ลี้ภัยคดีทางการเมือง เพื่อย้อนดูความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับสถาบันพระมหากษัตริย์
.
อ่านได้ที่: https://thematter.co/social/thaksin-and-monarchy/210427
.
“สถาบันกษัตริย์ลอยตัวในความสูง จนกระทั่งทักษิณมา มาแบบไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ทักษิณจะมาเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบนั้น
.
“เขาต้องการที่จะมาท้าทายการเมืองแบบเก่าที่ถูกครอบงำโดยสถาบันกษัตริย์ และเขาคิดว่าเขาทำได้ โดยเฉพาะการที่เขาได้รับการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ในปี 2544 ไทยรักไทยประสบความสำเร็จมาก และ 2547 ตอกย้ำอีกทีว่า เขาได้แลนด์สไลด์เยอะกว่านั้น”
.
แต่เมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลง ครอบคลุมไปถึงการชึ้นมาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2548 “ตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นมา มันเป็นตัวกำกับความคิดของทักษิณทางด้านการเมืองเลย คือ ต้องจงรักภักดีเท่านั้น ถึงจะอยู่รอด”
.....