มติชนเล่นข่าววันนี้ “ชัชชาติยิ้มออก ทุกคลองน้ำลด วอนแฟนคลับอย่าตอบโต้เม้นต์ด่า” เป็นอันว่าบรรดา ‘conspiracy theories’ ทั้งหลาย ที่ว่าทำไมกันยาปีนี้น้ำมากผิดปกติ จนท่วมทั่วทุกระแหง มีการปล่อยน้ำออกเขื่อนก่อนกาล ‘prematurely’ จริงไหม
ต้องไปอ่านบทความสัมภาษณ์ @MrVop ของ ยสินทร กลิ่นจำปา ที่ waymagazine.org แล้วจะเข้าใจว่าความไม่ปกติที่อาจสืบเนื่องเป็นปกติใหม่ต่อไปได้นั้น อาจมาจากธรรมชาติเล่นแรงก็ได้ เพราะปัญหาโลกร้อน บรรยากาศเปลี่ยน มันจริงยิ่งขึ้นทุกวัน
“ผู้ดูแลเว็บไซต์ Paipibat.com เจ้าของแอคเคาต์ @MrVop บนโลก Twitter และบล็อกเกอร์ผู้ขีดเขียนเรื่องเล่าทางวิทยาศาสตร์มากมาย” ว่าไว้ยาวเหยียด เท่าที่นักเขียน ‘เวย์’ เขาถ่ายทอดออกมาตีแผ่ “ถ้าคุณใช้คำว่าประหลาด มันก็ใช้ได้นะ” ผู้ชำนัญว่า
“ประเทศไทยถูกหนีบอยู่ตรงกลางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย” เวลาจะอ่านสภาพดินฟ้าอากาศต้องดูภาพรวมทั้งสองมหาสมุทร แถมด้วยส่วนที่เรียกว่า IOD (Indian Ocean Dipole) ซึ่งพบว่า ๓ เดือนที่ผ่านมา จมอยู่ในสภาพย้อนแย้ง
ความร้อนบนฝั่งไทยระเหยขึ้นเป็นหย่อมความกดอากาศ ความชื้นจากแนวราบก็พุ่งเข้าแทนที่กลายเป็นฝน ไม่เท่านั้น ความร้อนในแผ่นดินใหญ่จีนซึ่งเป็นภัยแล้งปีนี้ก็ทำให้เกิดฝนตกหนักแล้วลุกล้ำมาถึงไทย ความผิดเพี้ยนนี้เกิดขึ้นทั้งภูมิภาค
น้ำท่วมใหญ่ในปากีสถานจนกระทั่งวันนี้ยังไม่ลดเท่าไร ก็เพราะฝนแช่อยู่เหนือประเทศนั้นไม่เคลื่อนไปไหน เช่นกันกับเมฆฝนขนาดยักษ์จับเจ่าอยู่เหนือเกาหลีใต้ “มันตกแช่ พอตกแช่ เมืองก็จม เมืองที่ระบบระบายน้ำดีอย่างกรุงโซลก็ไม่รอด ถ้าเป็นเราก็คงมิดหัว คงท่วมถึงชั้นสอง”
บ้านเราก็เจออาการ ‘ฝนตกแช่’ เหมือนกัน แล้วยังมีลักษณะผิดแผกจากฤดูมรสุมปกติเดือนกันยาอีกอย่าง คือเป็นฝนชนิดโหมกระหน่ำรวดเร็วและรุนแรง (high intensity) แม้ว่าปริมาณของน้ำฝนจะไม่ได้มากกว่าปกติเท่าไรนัก
“ในปริมาณน้ำที่เท่ากัน คุณทำให้ท่วมก็ได้ ทำให้ไม่ท่วมก็ได้ พระพิรุณก็ทำแบบนั้น เช่น ปริมาณน้ำฝน ๖๐ มม.พระพิรุณก็สามารถทำให้ท่วมได้ ถ้าเทลงมาภายใน ๑ ชั่วโมง แต่ถ้าค่อยๆ เทภายใน ๒๔ ชั่วโมง แบบนี้ก็ไม่ท่วม” เขาอธิบายได้แจ่มแจ้ง
สภาพแบบนี้ไม่มีสิ้นสุดเพราะบรรยากาศโลกร้อนแปรปรวน ‘Climate Crisis’ เพิ่งเริ่ม ภูเขาน้ำแข็งใหญ่ที่สุดของโลก ‘Thwaites Glacier’ ถ้าละลาย จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น ๖๕ ซม.“ในอนาคตที่หน้าฝนไม่ปรานีเราอีกแล้ว” ต้องเริ่มพูดคุยทางหนีทีไล่แต่เนิ่น
“แผนที่อนาคต ถ้าเราเอามากางดู พวกซื้อขายที่ดินก็คงเป็นลมกันเป็นแถว กระเป๋าคงฉีก แล้วก็คงไม่มีใครกล้าพูด ทุกคนคงหุบปากหมด เพราะฉะนั้นในฐานะที่เราค้นคว้า เราก็รู้ในวงแคบๆ” แต่ต้องพูด “พอพูดออกไปก็ดราม่าอีก”
“เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ปัญหา...ลองคำนวณดูว่าอีกกี่ปีถึงจะเกิดปัญหา คำตอบคือ ๑๕๐ ปี อ้าว ไม่เกี่ยวกับฉัน เสวยสุขก่อน คนที่มีอำนาจตัดสินใจก็ยังละเลย” แล้วใครล่ะที่จะต้องไปรอรับผลนั้น ก็ลูกหลานเรานั่นเอง