สถานทูตรัสเซียในกรุงเทพฯ นี่ทำตัวเหมือนมี ‘สิทธิสภาพนอกอาณาเขต’ เลยเชียวนะ ไม่รู้ใครแอบไปยัดเยียดให้ คงสาวไปถึงใครไม่ได้ ไม่ทั้ง ดอน ปรมัตถ์วินัย หรือ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี แม้กระทั่ง ททบ.๕ ที่จะแจ้งกว่าใคร
วันนี้มีข่าวว่า กมธ.พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนฯ “เตรียมเรียกผู้บริหาร ททบ.๕ ชี้แจง กรณีรายการ ‘กนก –ธีระ’ แพร่เฟคนิวส์ ทำประชาชนสับสน สร้างความเกลียดชัง หวั่นกระทบความสัมพันธ์ไทย-ยูเครน” จากการที่รายการ 'เล่าข่าวข้น' บิดเบือนความจริง
กนก รัตน์วงศ์สกุล และ ธีระ ธัญไพบูลย์ นำคลิปที่ร่วมกันปดว่าเป็นการ “จัดฉากศพผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยรายในสงครามยูเครน จากการรุกรานจากกองทัพรัสเซีย” มาออกอากาศเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภา ทั้งๆ ที่เป็นเหตุการณ์คนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง
โดยการตรวจสอบพบว่านั่นเป็น “คลิป ‘Demo gegen Klimapolitik’ หรือการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของนักกิจกรรมในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อ ๔ ก.พ. ๒๕๖๕ เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนทั่วโลกให้ความสนใจกับวิกฤตสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ climate change”
งานนี้ ธีรนัย จารุวัสตร์ กรรมการสมาคมนักข่าวเป็นผู้เปิดประเด็น แล้ว ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.เขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการ จึงได้เปิดการสอบสวน โดยเรียก พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ช่อง ททบ.๕ มาชี้แจง
ณัฐชาแจ้งว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายเเรง “โดยเฉพาะการเป็นสื่อที่อยู่ในสังกัดภาครัฐ แต่กลับเสนอข่าวบิดเบือนความจริงและละเมิดจริยธรรมสื่อเสียเอง แต่ถึงตอนนี้กลับยังไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด” เกรงจะกระทบถึงร่าง พรบ.ที่กำลังจะเข้าสภา
ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อ ควรที่จะ “เป็นไปเพื่อส่งเสริมและกำกับดูแลจริยธรรมสื่อมวลชน แต่ในทางปฏิบัติ อาจจะกลายเป็นเครื่องมือเอาผิดเฉพาะสื่อที่อยู่ตรงข้ามรัฐแต่ฝ่ายเดียว” หากปล่อยกนกและธีระแพร่ข่าวปลอมตามอำเภอใจ
และที่น่าห่วงยิ่งกว่า ในบรรยากาศที่ประเทศรัสเซียกระทำการก้าวร้าวรุกรานยูเครน เป็นที่ตำหนิและถูกประณามทั่วโลก กลับมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในประเทศไทย ชวนให้คิดไปในทางไม่ดี ว่ามีใครที่มีอำนาจในประเทศให้ท้ายหรือไม่
สถานทูตรัสเซียออกแถลงการณ์ในภาษาไทย (มีอังกฤษกำกับตอนท้าย) ถึงการที่ประธานาธิบดียูเครนวิงวอนให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการรุกรานของ ‘สงครามปูติน’ อาสาสมัครไปร่วมรบเคียงไหล่กับชาวยูเครนต้านทานการยึดครอง
แถลงของสถานทูตรัสเซียระบุว่า “เรื่องนี้กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เตือนไว้ว่า ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ทหารรับจ้างชาวต่างชาติไม่ได้จัดให้เป็นทหาร และไม่มีสิทธิ์ได้รับสถานะเชลยศึก พวกเขาจะต้องเผชิญกับการดำเนินคดีตามมา”
แถลงการณ์ของ ‘สถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย’ ที่ออกตามมาอีกฉบับบอกว่า “ได้รับจดหมายจากผู้ที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ในยูเครน โดยได้แสดงการให้การสนับสนุนต่อรัสเซีย จดหมายนั้นมาจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่มาอยู่ที่ประเทศไทย
บางคนได้ประกาศความพร้อมในการลงทะเบียนเข้าร่วมกองทัพรัสเซีย” เสียด้วย ถึงอย่างนั้นถ้อยแถลงอ้างว่ากฎหมายของรัสเซียไม่ได้เปิดให้คนต่างชาติที่อาศัยในรัสเซียกระทำอย่างนั้นได้ “อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกขอบคุณทุกคนสำหรับความเห็นอกเห็นใจ”
แต่กฎหมายของรัสเซียก็ไม่สามารถนำไปใช้ในประเทศอื่นได้ นี่เป็นสาเหตุให้รัสเซียทำการรุกรานทางทหารต่อยูเครน เพื่อจะเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศนั้น ให้ศิโรราบยอมรับอำนาจเหนือของรัสเซีย กระนั้นหรือ ซึ่งไม่ใช่อย่างแน่นอน
ในวันนี้เองรายงานข่าวจาก ‘ฟอร์บส์’ เผยว่าชาวต่างชาติอาสาสมัครร่วมรบกับชาวยูเครนได้เดินทางถึงบริเวณเขตแดนในโปแลนด์แล้ว เตรียมข้ามแดนเข้าสู่ยูเครน ในประเทศไทยเห็นมีผู้สนใจร่วมรบต้านรัสเซียพากันไปสมัครที่สถานทูตยูเครนแล้วเช่นกัน
ขณะที่ผู้ลี้ภัยออกจากยูเครนขณะนี้ถึง ๑.๕ ล้านคน จากผลการระดมยิงขีปณาวุธใส่ตึกรามและสถานที่หัวใจระบบโทรคมนาคมเสียหายไปแล้วหลายแห่ง และหลังจากที่ยึดโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานปรมาณูใหญ่ที่สุด ‘ปูติน’ ก็ยังไม่วายขู่ฟอดๆ
ซ้ำยังว่าชาติใดที่ประณามการกระทำของรัสเซีย จะถูกถือว่าเป็นศัตรูคู่สงครามกับรัสเซียด้วย โดยเฉพาะชาติใดที่ทำการแซงชั่น หรือปิดกั้นทางเศรษฐกิจและการเงินต่อรัสเซีย เท่ากับเป็นการประกาศสงคราม นี่เป็นอาการของ ‘หมาบ้า’ กัดดะไปทั่ว
แม้ประเทศในยุโรปตะวันตกจะพยายามระมัดระวัง ไม่แสดงอาการซึ่งจะทำให้ปูตินระห่ำขึ้นไปยิ่งกว่านี้ ด้วยการแถลงว่าจะไม่มีการประกาศปิดน่านฟ้า ‘No fly zone’ ห้ามบินผ่านดังที่ประธานาธิบดี วโลดิเมียร์ ซาเล็นสกี้ร้องขอ แต่ประเทศในยุโรปตะวันออกกลับแข็งขันเข้าช่วยยูเครน
โปแลนด์ไม่เพียงเป็นด่านเปิดส่งกำลังรบและอาวุธเข้าไปร่วมรบกับยูเครน ล่าสุดได้ส่งเครื่องบินขับไล่ มิก-๒๙ เข้าไปให้กองทัพยูเครนใช้ต่อกรกับรัสเซีย โดยมีสหรัฐคอยให้ความช่วยเหลือ มีข่าวว่าวันนี้อาจส่ง เอฟ-๑๖ ไปให้โปแลนด์ใช้เสริมกำลัง
การประกาศถอนธุรกรรมต่อรัสเซียโดยสองยักษ์ใหญ่บัตรเครดิต วีซ่าและมาสเตอร์คาร์ด จะเป็นอีกแรงโหมตีกระดองหลังของรัสเซียปูตินอย่างเห็นผลต่อธุรกิจและชีวิตความเป็นอยู่ในรัสเซีย ทำให้บรรดาเศรษฐีรัสเซียพากันโยกย้ายไปอยู่ดูไบกันคลั่ก
(https://forbes.com/sites/forbesstaffreports/2022/03/05/live-ukraine-russia/, https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10162663148269848 และ https://www.facebook.com/367490830102115/posts/1918022515048931/)