วันอังคาร, มีนาคม 01, 2565

เผื่อใครยังไม่เห็น บรรยากาศการปล่อยตัว ‘อานนท์ นำภา’ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อ่านทนายอานนท์ กล่าวกับสิ่อมวลชน เรายังเหลือเพื่อนในเรือนจำอีก 5 คน อาทิตย์ จิตกร พรพจน์ ไพฑูรย์ สุขสันต์ !

#VoiceTV
บรรยากาศการปล่อยตัว ‘อานนท์ นำภา’ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

Streamed live 9 hours ago

VOICE TV
...

สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News
5h ·

‘อานนท์’ เผยครั้งแรกหลังพ้นคุก เจ้าตัวพร้อมเคารพเงื่อนไขของศาล และเคร่งครัดต่อหน้าที่เพื่อขบวนการประชาธิปไตย พร้อมเชื่อมั่นเมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่านไป ขณะนี้รอการผลิบาน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 19.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำราษฎร เจ้าตัวได้เดินทางออกมาจากเรือนจำโดยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและออกมาพร้อมกับมารดาที่ไปรอรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม สำหรับบรรยากาศที่หน้าเรือนจำมีมวลชนที่มารอให้กำลังใจ พร้อมกับขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและสวมกอดด้วยความยินดี

ทนายอานนท์ กล่าวกับสิ่อมวลชนว่า ต้องขอบคุณพี่น้องที่มาต้อนรับวันนี้ แล้วก็ขอบคุณพี่น้องที่ช่วยกันให้กำลังใจแล้วก็ช่วยเหลือในเรื่องของการประกันตัวกันอย่างท่วมท้น ขอบคุณเรือนจำที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ตราบใดที่บ้านเมืองของเรายังไม่เป็นประชาธิปไตยเรือนจำก็จะเป็นเสมือนบ้านของผู้ต้องขัง เราต้องร่วมกันสู้ให้มันได้ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ แล้วตนขอขอบคุณศาลยุติธรรมที่กรุณาปล่อยตัวชั่วคราวให้เราได้ออกไปต่อสู้คดีและออกไปเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นยังเหลือเพื่อนของเราอีก 5 คนที่เป็นทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส ซึ่งทีมทนายความจะดำเนินการช่วยเหลือและทำเรื่องยื่นประกันตัวทุกคนต่อไป ตนขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่มาให้การต้อนรับซึ่งตนเชื่อว่าการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่มันได้จุติหรือเริ่มต้นแล้วมันก็จะเป็นแรงให้กับคนรุ่นต่อไป

การถูกคุมขังในเรือนจำถึง 7 เดือนทำให้เรามีความรู้สึกแปลกไปกว่าครั้งก่อนหรือไม่ ทนายอานนท์ตอบว่า ตนอยู่เรือนจำตนก็ใช้เวลาครุ่นคิดและทบทวนถึงการต่อสู้และเรื่องราวที่มันผ่านเข้ามา ถึงวันนี้การต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพมันได้กลายเป็นพันธกิจของคนรุ่นใหม่และรูปแบบของการต่อสู้ ตนคิดว่าสังคมเก่าตามไม่ทัน ถ้าหากมีการมาถามตนว่าต่อไปจะมีการต่อสู้อะไร ตนก็ตอบไม่ได้เพราะว่าคนรุ่นใหม่มันขยับไปอีกแบบนึงแล้วทเช่นวิธีคิดวิธีการแสดงออกการต่อสู้ของพวกเขาต่อไปนี้จะมีความตื่นเต้นแล้วก็เดาไม่ถูก ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อปี 2563 พวกเขาได้พาเราขึ้นรถไฟเหาะ ตนคิดว่าต่อไปนี้จะมีรูปแบบของการต่อสู้ซึ่งพิสดารและเป็นที่มุ่งไปสู่ชัยชนะร่วมกันของคนทั้งสังคม ตนไม่ใช้คำว่าชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยแต่จะเป็นชัยชนะของคนทั้งสังคม

การออกมาจากเรือนจำครั้งนี้ถือว่ามีเงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าครั้งอื่นๆ ทนายอานนท์มีความกังวลหรือไม่ ทนายอานนท์ตอบว่า เงื่อนไขของศาลตนก็เคารพอย่างเคร่งครัด และทั้งนี้เงื่อนไขของขบวนการต่อสู้ เราก็ต้องเคารพมวลชนเช่นกัน ถ้ามวลชนมีอะไรให้ผมทำ กำหนดให้เป็นคนพูดหรือคนสปีกเกอร์ ถึงเวลาอันสมควรเราก็จะทำหน้าที่ของเราโดยเคร่งครัดต่อเงื่อนไขของศาลและเคร่งครัดต่อหน้าที่ของขบวนด้วย

ทนายอานนท์ กล่าวต่อว่า หน้าที่ทนายความเป็นหน้าที่หลัก และคดีของพี่น้องของเราเยอะมากมีกว่า 1,000 คน หลายร้อยคดี ส่วนหน้าที่อื่นๆของขบวนมันกลายเป็นนิวนอร์มัลของคนรุ่นใหม่ไปแล้วกับการต่อสู้ เราอาจจะไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่มันหวือหวาหรือว่าโลดโผน แต่ตนคิดว่าหากมันถึงเวลาที่หน้าหนาวมันก็ต้องหนาว เวลาหน้าฝนมันก็ต้องมีฝนมา เพราะฉะนั้นเวลาอันสมควรพวกเราก็จะออกมาต่อสู้อย่างคึกคักอีกครั้ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาลค่อนข้างที่จะสั่นคลอน บริบทการเมืองภายในรัฐบาลค่อนข้างอ่อนแอทางราษฎรจะต้องมีเสริมอะไรหรือไม่ ทนายอานนท์ ตอบว่า ตนคิดว่าพี่น้องประชาชนบนท้องถนนจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการเมืองที่สุด สำหรับคนที่สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์อยู่เมื่อเมื่อแรงข้างนอกได้บ่งชี้ว่าพวกเขาต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตย สุดท้ายพรรคร่วมฯก็จำเป็นต้องถอยเพื่อมายืนเคียงข้างประชาชน ตนไม่คิดว่าพลเอกประยุทธ์จะอยู่ค้ำฟ้าและตนไม่คิดว่าท่านจะมีความกล้าที่จะแสดงความรับผิดชอบอะไรตนคิดว่ามวลชนรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปในทางที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงในเรื่องสุขภาพที่เคยติดโควิด19 ตอนอยู่ในเรือนจำ อานนท์กล่าวว่าตอนอยู่ข้างในเรือนจำ ตนออกกำลังกายทุกวันมองหน้าพลเอกประยุทธ์และกระโดดเชือกไปทุกวัน น้ำหนักลดไป 7 กิโลกรัม เพราะเมื่อถึงเวลาบวกก็ต้องพร้อมบวก

“ภาระของการต่อสู้กลายเป็นนิวนอร์มัล ซึ่งเป็นความปกติใหม่ของทุกคนรวมทั้งของสื่อมวลชนด้วย ยกตัวอย่างกรณีโรฮิงญาเมื่อเจ็ดปีที่แล้วสังคมมองอีกแบบนึง ในวันนี้สังคมมองอีกแบบหนึ่ง ซึ่งประเด็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มันฝังลึกลงไปในในสำนึกของคนในสังคมไปแล้ว ท้ายที่สุดแล้วฝ่ายประชาธิปไตยจะมีความจริงมากกว่าและมีความเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า” ทนายอานนท์ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พลวัตทางการเมืองไทยภายหลังจากที่ทนายอานนท์ออกมาจากเรือนจำนั้นจะเป็นเช่นไร เมล็ดพันธุ์ที่เราได้หว่านลงไปเมื่อปีสองปีที่ มันมันทั่วถึง มันก็ยังรอการผลิบานเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะมาทำลายตรงนี้ไปได้ คนรุ่นใหม่ก็ดีหรือแม้แต่คนที่ผ่านสังคมมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง สุดท้ายสังคมจะสรุปร่วมกันว่าสังคมต้องการศักดิ์ศรีเรื่องความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียม ตนเชื่อมั่นในคนรุ่นใหม่ในความสัตย์จริง ว่าพวกเขาเหล่านั้นหวังดีต่อประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้องน้องที่ออกมาต่อสู้ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีรูปแบบการต่อสู้แตกต่างกันไปสุดท้ายแล้ว เขาจะพิสูจน์ตัวเองว่าสิ่งที่เขาทำเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัว

สำหรับกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี เข้ายื่นหนังสือที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ตรวจสอบกองทุนราษฎรประสงค์ นายอานนท์กล่าวว่า ตามจริงไม่ใช่เรื่องซับซ้อน มีเพื่อนติดคุกเราก็ระดมเงินมาประกันตัว และอยากฝากกำลังใจไปให้คณาจารย์ที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยที่เอาชื่อตัวเองมาขึ้นเขียงเพื่อเป็นกำลังใจดำเนินการประกันตัวพวกเราทุกคน
ส่วนเรื่องเงินประกันตัวที่สูงมาก และ เรื่องเงินโอนช่วยเหลือกว่า 10 ล้านภายใน 3 ชั่วโมง อานนท์กล่าวว่าทราบจากนายประกันว่า 10 กว่าล้านมาจากคน 5-6 หมื่นส่วนใหญ่เป็น 112 บาทเป็นสัญลักษณ์ ไม่มีข้อกังขาอยู่แล้ว คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามตนคงคิดว่ามีคนเชื่อถือตนขนาดนี้เลยหรือ แต่คิดว่าสุดท้ายความจริงจะปรากฏเองว่าเงินที่เข้ามาเป็นเงินที่มาจากชาวบ้านจริงๆ การโอนบางทีมีค่าธรรมเนียมมันมีค่าใช้จ่าย บางคนโอนมา 20 บาท 10 บาท มีน้อยเขาก็ช่วยน้อย ตนไม่ได้ต้องการที่คนที่มาช่วยแสดงออกคน 10 ล้านหรือ20 ล้าน แต่คิดว่าคนตัวเล็กๆนี้ที่ช่วยประคับประคองกันมา คนที่หาเช้ากินค่ำคนที่เห็นด้วยกับเรา นิสิตนักศึกษานักเรียนที่โอนเข้ามา ตนคิดว่านั้นเป็นกำลังใจ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราต่อสู้ร่วมกัน

“ผมคิดว่าสุดท้ายเรื่องเสรีภาพ เรื่องความเสมอภาค หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นสัจจะ เป็นสิ่งที่มันจะต้องเป็นไป เราปฏิเสธโลกที่มันหมุนไปไม่ได้ มียุคหนึ่งที่คนออกมาบอกว่าโลกกลม โดนทำร้าย โดนทุบตี โดนกักขัง แต่วันหนึ่งมันจะพิสูจน์ว่าความจริงคืออย่างไร ผมคิดว่าวันนั้นเราค่อยๆพิสูจน์ไป วันนี้ที่ที่ศาลให้อยู่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีฝั่งตรงข้ามกล่าวหาว่าพวกเราเป็นพวกล้มล้างระบบศาลยุติธรรมก็ไม่ได้นำพาเรื่องพวกนี้และศาลก็ได้พยายามมองช่องทางที่จะปล่อยตัวชั่วคราวอันไหนที่ศาลไม่แน่ใจศาลก็กำหนดเงื่อนไข และเราก็จะพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าเงื่อนไขที่ศาลให้มาเราจะปฏิบัติตาม และในขณะเดียวกันการทำงานการต่อสู้ด้านคดีความและการเคลื่อนไหวก็ดีมันจะควบคู่กันไป อานนท์ทิ้งท้าย#สำนักข่าวราษฎร #RatsadonNews #ทนายน้อย #อานนท์นำภา #ทนายอานนท์ #อานนท์ #ราษฎร #ปล่อยเพื่อนเรา