วันพุธ, มีนาคม 09, 2565

แด่สตรียูเครน ในวันสตรีสากล 2022


Anonymous Operations@AnonOpsSEThis
#IWD2022,
we think about women in #Ukraine.

Women fighting against Russian aggression.
Women reporting from a war zone to ensure the world knows the truth.
Women forced to give birth in bunkers or flee from their homes.
We send our support to all the women of Ukraine.
....

The Momentum
18h ·
“พวกเราไม่กลัวตาย แต่กลัวต้องเป็นทาส”
เมื่อไฟสงครามผลักให้ผู้หญิงยูเครน
ลุกขึ้นจับอาวุธต่อต้านรัสเซีย
.
ช่วงต้นปี 2021 ข้อมูลของกระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า มีผู้หญิงประมาณ 5.7 หมื่นคนในกองทัพของยูเครน หรือประมาณ 22.8 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขนี้สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ (7.5 เปอร์เซ็นต์) รัสเซีย (4 เปอร์เซ็นต์) รวมถึงสหรัฐอเมริกา (16 เปอร์เซ็นต์) และเยอรมนี (12 เปอร์เซ็นต์) มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่บังคับให้มีการเกณฑ์ทหารทั้งชายและหญิง ในเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน เช่น นอร์เวย์และสวีเดน ที่มีเพศหญิงในระดับเทียบเท่าหรือสูงกว่าเพศชายในกองทัพ โดยเฉพาะนอร์เวย์ ที่ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในกองกำลังติดอาวุธมาเป็นเวลาช้านาน
.
ในขณะที่รัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตียูเครน พันธกิจในการปกป้องประเทศนี้ทำให้มีผู้หญิงที่เลือกลุกจับอาวุธขึ้นสู้เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิงวัย 79 ปี ที่เพิ่งเรียนรู้วิธียิงปืน อดีตนางงามตัวแทนของยูเครนในการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 ไปจนถึงอดีตนักร้องงานแต่งงานที่ชื่อ ‘คริสตินา’ ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในหน่วยรบบนภูเขา ซึ่งเธอเล่าให้ VICE World News ฟังว่าต้องทำทุกอย่างเช่นเดียวกับทหารชาย
.
“พวกเขาปฏิบัติต่อฉันในฐานะทหารหญิง ฉันเป็นเหมือนเพื่อน เป็นเหมือนน้องสาว”
.
คริสตินาอาศัยอยู่กับครอบครัวในอิตาลีมากว่าทศวรรษ โดยทำงานที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและรับจ้างร้องเพลงในงานแต่งงานเมื่อมีเวลาว่าง แต่เมื่อความตึงเครียดทางทหารเพิ่มขึ้นเมื่อ 1 ปีก่อนตามแนวชายแดนทางตะวันออกของยูเครน หญิงชาวยูเครนวัย 29 ปีรายนี้จึงเดินทางกลับบ้านเกิดของเธอเพื่อเป็นทหาร ทั้งที่ตระหนักดีถึงอันตรายที่เธอกำลังต้องเผชิญ
.
“ที่นั่นมีความเสี่ยงต่อการต้องบอกลาชีวิตอยู่ตลอดเวลา พวกเราไม่กลัวตายหรอก แต่กลัวต้องตกเป็นทาส” คริสตินา ซึ่งไม่เปิดเผยนามสกุลและที่อยู่ของเธอ เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย กล่าวกับ VICE World News “ฉันจะอยู่ปกป้องดินแดนของฉันจนถึงที่สุด”
.
การตัดสินใจของสตรีชาวยูเครนในการหยิบอาวุธขึ้นมาเพื่อปกป้องประเทศจากภัยคุกคามของรัสเซีย ทำให้เห็นสถิติทางการทหารสำหรับยูเครน ซึ่งมีส่วนแบ่งของกำลังพลเพศหญิงในกองทัพที่มากกว่ากองกำลังติดอาวุธที่อื่นๆ ในโลก
.
นับตั้งแต่ วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดฉากสั่งการโจมตียูเครน ผู้หญิงได้กลายมามีบทบาทสำคัญในหมู่พลเรือนยูเครนที่ต้องต่อสู้กับกองกำลังรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่กลุ่มผู้หญิงได้รวมตัวกันทำโมโลตอฟค็อกเทล (Molotov cocktail) ขวดแก้วใส่สารไวไฟ เช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ และใช้ไส้ตะเกียง หรือผ้าฝ้าย เป็นสายชนวนสำหรับจุดไฟใส่ไว้ที่ปากขวด ซึ่งเป็น ‘อาวุธบ้านๆ’ ในศึกสงครามสมัยก่อน ไปจนถึงการรวมตัวรื้อป้ายถนน เพื่อสร้างความสับสนให้กองทัพรัสเซียที่บุกเข้ามาในเมือง
.
บทบาทของผู้หญิงในการลุกขึ้นมาต่อต้านในยูเครน ยังย้อนไปถึงการประท้วงยูโรไมดาน (Euromaidan) ในปี 2013 ที่ประชาชนบางส่วนเรียกร้องให้ผู้นำประเทศเซ็นสัญญาความร่วมมือกับสหภาพยุโรปหรืออียู และส่งผลให้เกิดการขับไล่ วิกเตอร์ ยานูโควิช (Viktor Yanukovych) ประธานาธิบดียูเครนในขณะนั้น ที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับเงิน 'ค่าต่อรอง' จากรัสเซีย เพื่อไม่ให้ยูเครนทำข้อตกลงเข้าร่วมกับอียู
.
ระหว่างการประท้วงดังกล่าว ซึ่งฝั่งรัสเซียคัดค้านอย่างหนัก ผู้หญิงยูเครนจำนวนมากได้อาสาช่วยเหลือในโรงพยาบาลชั่วคราวและเข้าร่วมหน่วยป้องกันตนเอง ส่งผลให้ในปีนั้นเริ่มมีจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจนถึงปี 2020
.
“สตรีเหล่านี้ทำให้เห็นว่า สังคมยูเครนจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยของตน” โอเลสกา โครเมชุก (Olesya Khromeychuk) ผู้อำนวยการสถาบัน Ukrainian Institute London องค์กรการกุศลและศูนย์กิจกรรมการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับยูเครนกล่าว
.
โครเมชุกวิเคราะห์ว่า เมื่อรัสเซียผนวกไครเมียและสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบัสทางตะวันออกของยูเครนในปี 2014 ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกทำแบบเดียวกับบทบาทที่พวกเธอมีส่วนร่วมในการประท้วง เพียงแต่เปลี่ยนมาอยู่ในกองกำลังติดอาวุธ แต่ในแรกเริ่ม ผู้หญิงยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประจำการ แม้ว่าบางคนจะพยายามใช้วิธีหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมาย และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ยังมีรายงานเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเพศ เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศในกองทัพ
.
อย่างไรก็ดี ในปี 2018 มีการผ่านกฎหมายความเท่าเทียมทางเพศของทหารในยูเครน ทำให้ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกันกับผู้ชายในกองทัพ จึงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างลึกซึ้ง
“ทหารหญิงที่เข้าร่วมสงครามได้ท้าทายการรับรู้แบบดั้งเดิมเกี่ยวกับบทบาททางเพศในยูเครน” โครเมชุกกล่าว “ทหารหญิงไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียง ‘ผู้หญิง’ อีกต่อไป แต่ในฐานะ ‘มืออาชีพ’ ที่เลือกเข้าร่วมกองทัพ”
.
นอกจากนี้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว (2021) หลังจากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่รัสเซียส่งทหารมาประชิดชายแดนของยูเครน จึงทำให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหมยูเครน โดยกำหนดให้ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 18-60 ปี ถือว่าเหมาะสมสำหรับการรับราชการทหาร และสามารถลงทะเบียนกับกองกำลังติดอาวุธ เพื่อเรียกระดมพลได้หากเกิดสงคราม
.
โอเลกซานดรา อัสติโนวา (Oleksandra Ustinova) สมาชิกรัฐสภายูเครนกล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากกองทหารรัสเซียที่มีมากกว่า 1.22 แสนนาย บริเวณชายแดนของยูเครน การตัดสินใจปรับปรุงกฎระเบียบดังกล่าวจึงถูกเวลา และสมเหตุสมผล”
.
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางการยูเครนประกาศรับสมัครพลเรือนกว่า 1.5 ล้านคน เข้าสู่กองกำลังป้องกันดินแดน ซึ่งเป็นสาขาสำรองทางทหารที่ประกอบด้วยกองหนุนพลเรือน หนึ่งในนั้นคือ เยฟเฮนเนีย ชีค (Yevheniia Chekh) สตรีชาวยูเครน ที่ตัดสินใจว่า เป็นภารกิจของเธอในการเข้าร่วมหน่วยดังกล่าว
.
หนึ่งปีที่แล้ว เยฟเฮนเนียเป็นช่างเสริมสวยที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคโพลตาวา (Poltava) ทางภาคกลางของยูเครน แต่ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกหน่วยสำรองในพื้นที่ของเธอด้วย โดยผู้คนมักเรียกอาสาสมัครเช่นเดียวกับเธอว่า ‘นักรบสุดสัปดาห์’ ซึ่งหมายถึงผู้คนที่ประกอบอาชีพพลเรือน แต่มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมทางทหาร และสามารถถูกเรียกให้มาสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธในการต่อต้านสงครามได้
.
เยฟเฮนเนียใช้เวลาวันเสาร์ของเธอในการฝึกซ้อมทางทหาร แม้จะไม่เคยมีประวัติแม้กระทั่งการเล่นกีฬามาก่อน แต่หญิงวัย 46 บอกกับ VICE World News ว่า เธอไม่มีความกลัวหรือความลังเลใจในการออกรบแม้แต่น้อย “ตอนนี้ประเทศยูเครนและชาวยูเครนทั้งหมดกำลังทำสงครามกับกองทัพรัสเซีย ฉันรู้สึกหนักแน่นและมั่นใจ โดยปราศจากความกลัวหรือเห็นใจศัตรู”
.
ท้ายที่สุด โอเลสกา โครเมชุก ในฐานะผู้อำนวยการสถาบัน Ukrainian Institute London กล่าวสรุปว่า “ความจริงที่ว่าพลเรือนรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจับอาวุธ เป็นหลักฐานว่าประชาคมระหว่างประเทศล้มเหลวในการปกป้องยูเครนจากการโจมตีของรัสเซีย”
.
ที่มา:
- https://www.vice.com/.../ukrainian-women-soldiers-russia
-https://www.mil.gov.ua/.../whitebook/WB_2019_2020_eng.pdf
- https://prachatai.com/journal/2013/12/50259
.
เรื่อง: ชยพล ทองสวัสดิ์
ภาพ: EFREM LUKATS