วันเสาร์, ธันวาคม 04, 2564

เท่านี้ละ 'ระดับปัญญายุทธ์' ความเท่าเทียมคือโอกาส ถ้ารวยขึ้นทางด่วน รายได้น้อยวิ่งข้างล่าง ฮ่วย

อีกตัวอย่างของระดับปัญญา ยุทธ์พูดถึงภารกิจของรัฐบาลในการสร้างความเท่าเทียม เมื่อไปเป็นประธานการมอบสิทธิเคหะสำหรับผู้มีรายได้น้อย ในโครงการร่มเกล้า โดยอธิบาย ความเท่าเทียมว่าเป็นการเข้าถึงโอกาส “คนไทยทุกคนมีโอกาส

จะใช้รถใช้ถนน ใช้สะพาน อะไรต่างๆ...คนรวยก็ไปเสียเงินเอา คนรายได้น้อยก็ใช้เส้นทางข้างล่างเอา มันจะได้ไม่แออัด ไม่ซึ่งกันและกัน ผมคิดหยั่งงี้นะ” ผู้ประกาศช่อง ๓ เกือบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ตอนเสนอข่าวนี้เมื่อวาน (๓ ธันวา)

ก็เพราะนายกรัฐมนตรีประเทศไทยเป็นเสียอย่างนี้นี่สิ หญิงสาวชาว อ.บ้านดุง อุดร นางหนึ่งจึงได้บอกต่อหน้านายกฯ ตอนเดินทางไปเกาะคำชะโนด ต.บ้านม่วง ว่าอยากให้พัฒนาเยอะๆ “หากพัฒนาไม่ได้ ขอให้นายกฯ เกษียณไปเร็ว ๆ นะคะ”

ประยุทธ์ถึงกับหันขวับไปถาม “อะไรนะ” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวจากตลาดบ้านดุงที่อุตส่าห์ขับรถ ๒๕ กิโลไปต้อนรับลุงตู่ เลยตอบซ้ำ ว่า “หากพัฒนาไม่ได้ก็ให้เกษียณเร็ว ๆ ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” เหตุเกิดเมื่อ ๑ ธันวาเป็นข่าวไปทั่ว ร้อนถึงตำรวจ สภ.บ้านดุง

หญิงผู้นั้นเปิดเผยว่าได้รับการติดต่อจากตำรวจ ขอไปพบพูดคุยด้วยที่บ้าน เธอตอบว่าไม่ได้ ตำรวจก็ขอให้ไปพบที่สถานี “เพื่อทำประวัติ” เธอแจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า “ไม่รู้ว่าตนผิดอะไร ทำไมถึงต้องทำประวัติจึงยังไม่เดินทางไปที่ สภ.”

การคุกคามทำนองนี้โดยตำรวจยุคสืบทอดอำนาจรัฐประหารนี่ มีให้เห็นบ่อยขึ้น ๆ ทุกวัน ดังเรื่องที่ Pipob@pipob69 เอามาเล่า “เจ้าของ รร.สอนภาษา Eng ที่ #เชียงใหม่ ซึ่งเอารูปลุงตู่ไม่ยกมือระหว่างประชุม #ASEM ไปใช้โฆษณาให้คนเรียนภาษา

ก็ถูก จนท.อุ้มตัวพร้อมพ่อไปจากบ้าน ไม่แจ้งข้อหาใด ๆ ไม่แจ้งว่าอุ้มและยึดคอมพิวเตอร์ไปทำไม วิปริตมาก” อาจเป็นการติดเชื้อร้ายกลายพันธุ์ มาจากยุค คสช.ครองเมือง ดังเรื่องของ ดีเจนินจาซึ่งได้เจอกับความเหี้ย มโหดของพวกนักยึดอำนาจ

ตอนอยู่ในค่าย ร.๘ นี่เขาอัดแน่นเลย บางทีมาสามทุ่ม สี่ทุ่ม ให้กินข้าวห้าทุ่ม แล้วเอาทหารสี่คนพร้อมปืนยืนจี้ เอาสายน้ำเกลือรัดข้อมือ แล้วเอาปืนจ่อ” กัลยลักษณ์เล่าถึงเมื่อครั้งเธอถูกจับกุมตัว พร้อมกับชาวอีสานอีกกว่า ๒๐ คน ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

เธอถูกกล่าวหาว่าร่วมวางแผนก่อการร้าย ในคดี ขอนแก่นโมเดลเธอและพวกถูกดำเนินคดีในศาลทหารจังหวัดขอนแก่น เป็นเวลานานกว่า ๕ ปี จนโอนคดีกลับมาที่ศาลพลเรือน “เวลาผ่านไปกว่าเจ็ดปีแล้ว แต่อำนาจทหารจับคนไปกักขังได้ ๗ วัน ก็ยังอยู่

คสช. ใช้อำนาจเต็มที่ และให้ทหารเอาตัวใครก็ได้ไปขังไว้ในค่ายทหารเป็นเวลา ๗ วัน ​เพื่อไปรีดเค้นข้อมูลที่อยากได้ และสุดท้ายก็เอาตัวไปขึ้นศาลทหาร” ก่อนจะถึงจุดนั้น มีการข่มขู่ต่างๆ นานา เช่นที่ดีเจนินจาเล่าว่า ทหารผู้ควบคุมตัวเธอบอก

“คุยมาสองวันยังไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย อาจจะทำอะไรที่รุนแรงกว่านี้ ทหารพูดอย่างนี้แล้วก็เอาผ้ามาปิดตา แล้วยังบอกว่า พวกผมจะทำอะไรคุณก็ได้ตามกฎของ คสช. ที่ยึดอำนาจ ทำได้ทุกอย่างเพื่อจะเอาความจริง” เขาอ้างคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ ๓/๒๕๕๘

นี่จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องพร้อมใจสนับสนุน ข้อเสนอ #ปลดอาวุธคสช ให้ยกเลิกอำนาจพิเศษต่างๆ ดังกล่าว ข้อเสนอนี้ได้ถูกบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร กำหนดเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ ๘ ธันวา นี้ ช่วยกันจับตาให้ดี

(https://ilaw.or.th/node/6033, https://freedom.ilaw.or.th/blog/djninja, https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/393353235879295, https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6766052 และ https://ch3plus.com/news/program/268467)