ผ่านไปแล้วหมาดๆ ดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิดของรัฐบาลตู่ แม้จะไปอย่างกระท่อนกระแท่นได้แค่ ๔ แสนกว่าโด๊สเซส (ส่วนใหญ่ ‘ซีโนแว็ค’) “ก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน” แต่ที่ต้องร้องเย้ ก็เฮ้ ในหลวงฯ-ราชินี ทรงใส่แม้สค์ ออกงาน อีกครั้งฮ่ะ
จากรูปปล่อยชุดใหม่ทำให้ต้องบันทึกไว้ตรงนี้ ตามคำ Nithiwat Wannasiri ว่า ‘เยสสสส’ “ตัวจริง ไม่ใช่สแตนด์อิน ซึ่งแปลว่า ‘ยังมีชีวิตอยู่’ ไม่ได้เป็นไปตามข่าว (ที่เขา) ลือ” เลิกถามนะ จะมีจุกจิกตรงที่เขาติงว่า “ทรงพระสมบูรณ์” และ “หลังค่อม” ไปนิด
นัยว่า ‘โฟโต้ช้อป’ ไม่เนียน ดูเผินๆ ผอม แต่ผ้าม่าน-บานประตูหลังฉาก เบี้ยว คดโค้งตามความสะเล็นเด้อของพระสรีร่าง ด้าน สศจ.ก็มีที่ติเหมือนกัน ข้องใจทำไมทั้งสองหัตถ์ราชินี เหยียดห้านิ้วตรงเป๊ะสไตล์ราชวัลลภ แต่องค์ภูมินทร์ไม่ยอมทรง ‘by example’
กลับไป ‘ไอทู้บ’ นั้นที่ขอโทษอย่างเสียไม่ได้ ใช่ว่าจะมีสำนึกอะไร หากแต่ยอมรับกลายๆ “เราปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว...การจะทำอะไรให้คนจำนวนมากมีปัญหาแน่นอน” เอาเป็นว่าแกลืม ว่าการเป็น ‘ผู้นัมป์’ คือการทำอะไรให้คนจำนวนมาก
นอกจากต้องมีความรอบรู้ มีทักษะแล้ว ควรพูดแต่สิ่งที่ทำได้เป็นจริง หากเอาแต่คุยโวไว้ก่อน แล้วผลออกมาไม่เป็นไปตามนั้น เช่นที่บอก “ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ ไทยเริ่มโต้กลับสงครามไวรัสโควิด” แต่แล้วตกบ่ายวัคซีนหมด มันคือเสียหะมา ห มา
แล้วที่ควรพูดกลับไม่พูด ถึงจะเป็นเพราะไม่รู้ ก็ต้องให้ลูกน้องและลิ่วล้อขวนขวายเอามาแถลงวิสัยทัศน์ ไม่ใช่เอาแต่แสดงความ ‘หัวแข็ง’ แกร่งดั่ง ‘สันขวาน’ คนติด คนตาย ยังเพิ่มไม่ลดละเลยสักนิด ควรที่จะให้ข้มูลเตือนภัยแก่ประชากร ก่อนคุยโว
ดังที่ ผอ.ศูนย์โรคอุบัติใหม่ จุฬาฯ ปริวิตกว่า จะเร่ง ‘คลุม’ ฉีดวัคซีนให้ได้เกิน ๗๐% ภายในสองเดือนทันไหม สำคัญกว่าอื่นใด ต้องทำให้ได้ก่อนไวรัสแตกสายกลายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาอีก เมื่อไหร่เจอชนิด “ไม่ใช่ที่อยู่ในการกักตัวจากต่างประเทศ” ละก็
“แสดงว่า ‘ไปแล้ว’ ไม่มีทางคุมได้ ดังที่เกิดครั้งแรกที่หลักสี่ และเราตรวจคร่าวๆ เท่านั้น จากคัดกรองก็เจอเช่นกันตั้งแต่ ๒ สัปดาห์ที่แล้ว” นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือนว่าขืนชักช้า ทั้งสาย “อินเดีย แอฟริกา และอังกฤษ”* มีสิทธิที่จะกลายพันธุ์ต่อไปได้อีก
*(หมายเหตุ :อนามัยโลกให้ชื่อไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์เหล่านั้นเสียใหม่ตามอักษรกรีกว่า ‘เดลต้า เบต้า และอัลฟ่า’ เพื่อไม่ให้เป็นการหยามหมิ่นประเทศที่พบเชื้อชนิดนั้นๆ เป็นแห่งแรก)
หมอธีรวัฒน์ยกตัวอย่าง “สายแอฟริกา ที่ตากใบ เป็นลักษณะเดียวกัน (“แพร่เร็วกว่าธรรมดา”) และแสดงว่าต้องแพร่หลายแล้วในบริเวณนั้น ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุด คลุมให้ได้มากที่สุด” ไม่งั้นจะกลายพันธุ์ “เข้ามาครองสัดส่วนเป็นสายหลัก
และอาจทำให้แม้คนที่ได้วัคซีนไปแล้ว อาจมีเล็ดลอดติดเชื้อได้ เข้าโรงพยาบาลได้ และถ้าเกิดเหตุเช่นนั้นก็ต้องถึงเวลาฉีดใหม่อีก คราวนี้อาจต้องเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ (ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี)” ดูตัวอย่างอังกฤษ ที่ได้ชื่อว่าแก้ปัญหาโควิดกลายพันธุ์ครั้งนี้ได้ดีที่สุด
แต่จะไปได้ไม่นาน เมื่อไหร่การ์ดตก เวลานี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดในอังกฤษอยู่ที่หลักสิบต่อวัน เทียบกับจำนวนคนตาย ๑,๒๐๐ รายต่อวันเมื่อเดือนมกราคม อังกฤษใช้วิธีสั่งซื้อวัคซีนปริมาณมากๆ โดยไม่คำนึงถึงราคาแล้วระดมฉีด
โดยที่ยึดหลักฉีดเข็มเดียวให้ได้มากๆ ไว้ก่อน เข็มสองรอนานหน่อยก็ได้ สองสามเดือน ไม่ใช่สองสามอาทิตย์อย่างในสหรัฐ ทำให้อัตราคนตายเมื่อเดือนที่แล้วในอังกฤษน้อยกว่าในสหรัฐถึงหนึ่งในสิบ แต่ว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาขึ้นสูงอีก
จำนวนการติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มในอังกฤษเป็นชนิดกลายพันธุ์ ‘เดลต้า’ ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย รายงานจาก เดอะนิวยอร์คไทมส์แจ้งว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมาการติดเชื้อเพิ่มในอังกฤษมากเป็นสองเท่า จากราวๆ สองพันกว่ามาเป็นสี่พันกว่า
ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นกังวลมากเท่า การระดมฉีดวัคซีนให้ล้ำหน้าการแพร่ขยายของเชื้อโรค และการรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาให้ทันกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการ
หากจะเอาบริทิชโมเดลเป็นแบบอย่าง ปัญหาของไทยยังขาดปัจจัยจำเป็นสองอย่างที่อังกฤษมีและทำ คือฉีดวัคซีนให้ได้รวดเร็วและมากล้น กับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อให้ได้ทันกับการแพร่ของโรค แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลตู่จะทำได้ ในอนาคตอันใกล้
(https://www.nytimes.com/2021/06/07/briefing/delta-variant-britain-covid-cases.html, https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2764582 และ https://www.facebook.com/thairath/posts/10160640373597439)