THE STANDARD
June 14 at 11:08 PM ·
UPDATE: ก้าวไกล แถลงจุดยืนแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ลงชื่อในร่างเพื่อไทย เห็นต่างปม สสร. ขอเดินหน้าประชามติ ต้องปิดสวิตช์ ส.ว. ห้ามเลือกนายกฯ
.
วันนี้ (15 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ รังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงผลการประชุม ส.ส. พรรคก้าวไกล ต่อประเด็นเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีมติดังต่อไปนี้
.
1. พรรคก้าวไกลเห็นว่า หนทางที่ดีที่สุดในการออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน คือการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมาจากการรัฐประหาร แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
.
ประตูบานแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย คือการจัดทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชน ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ดังนั้นพรรคก้าวไกลขอคัดค้านหากประธานรัฐสภาจะเตะถ่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติที่ค้างอยู่ แล้วนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราขึ้นมาพิจารณาก่อนตามความต้องการของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุความจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาปลายเดือนนี้ประธานรัฐสภาต้องกำหนดวาระตามปกติ ให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติแล้วเสร็จก่อนเข้าสู่วาระอื่น
.
2. พรรคก้าวไกลเห็นว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐในหลายมาตรานั้น เป็นความพยายามเบี่ยงเบนเป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. และยุติกลไกการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร แล้วดำเนินการ ‘ต่ออายุ’ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอีก ผ่านการแก้ไขระบบการเลือกตั้งที่ตนเองคิดว่าจะได้เปรียบจากการใช้อำนาจรัฐและอำนาจทุน และผ่านการเปิดช่องให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้าไปเบียดบังงบประมาณและแทรกแซงข้าราชการได้ง่ายขึ้น
.
3. การพยายามเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 หลากหลายมาตราตามเกมของพรรคพลังประชารัฐนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความสับสน หรือแย่กว่านั้นคือไปช่วยกันตกแต่งให้รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ดูดีขึ้น และช่วยกันต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ ดังนั้นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราในสถานการณ์ปัจจุบันควรพุ่งเป้าให้ชัดเจนไปยังการปลดกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร
.
ที่ประชุม ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจึงเห็นชอบให้เสนอ ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ ยกเลิกอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. 250 คน ที่มาจากการคัดเลือกโดย คสช. ดังนั้น ส.ส. พรรคก้าวไกลจะลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นนี้ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วยื่นต่อประธานสภาในวันพรุ่งนี้
.
4. ที่ประชุม ส.ส. พรรคก้าวไกลมีมติไม่ร่วมลงชื่อกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยที่เสนอแก้ไข มาตรา 256 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เนื่องจากเราไม่เห็นด้วยกับการไปจำกัดอำนาจของ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ
.
“พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่า การกำหนดห้ามดังกล่าวเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ผิด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในระยะยาว และเป็นการไม่เคารพต่ออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นเสมอว่า สสร. ที่มาจากประชาชนมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทุกหมวด และ สสร. ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้แก่ทุกฝ่าย เคารพอำนาจของประชาชน เพื่อนำไปสู่ฉันทามติใหม่ของสังคมไทยร่วมกัน”
.
5. สำหรับเรื่องระบบการเลือกตั้งนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่า หากจะมีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ต้องมีเป้าหมายในการสร้างระบบการเลือกตั้งที่ดี ไม่ใช่มีเป้าหมายเพียงแค่การแสวงหาระบบเลือกตั้งที่พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์มากที่สุด
.
“ระบบการเลือกตั้งที่ดีต้องทำให้เสียงทุกเสียงมีความหมาย สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นระบบที่ช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง และสร้างประสิทธิภาพของระบบรัฐสภากับรัฐบาล
.
“ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่ระบบที่ดี ขณะที่ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ยังมีข้อด้อยที่ควรต้องปรับปรุง ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่า ระบบการเลือกตั้งที่ดีควรเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กล่าวคือ เลือก ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 ใบ และเลือกพรรคการเมืองอีก 1 ใบ โดยนำคะแนนเลือกพรรคการเมืองมาใช้คำนวณจำนวน ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรค เพื่อให้เสียงของประชาชนไม่ตกน้ำ และได้สัดส่วน ส.ส. ของแต่ละพรรคตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ต้องการต่ออายุให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ทุกเสียงต้องถูกนับ”
.
สุดท้ายนี้พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า ทางออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบันไม่ใช่การเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต้องการพิทักษ์รัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารและต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ แต่ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดการลงประชามติเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 คู่ขนานไปกับการทำลายหัวใจในการสืบทอดอำนาจด้วยการ ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ ก่อน การแก้ไขระบบเลือกตั้งหรือประเด็นปลีกย่อยอื่นใดโดยไม่ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ย่อมเป็นการเดินเข้าสู่กับดักและขนมล่อทางการเมืองของระบอบประยุทธ์ จันทร์โอชา
.
ในการตอบคำถามของสื่อมวลชน พิธาระบุว่า สาเหตุที่ไม่ร่วมลงชื่อในการแก้ไขมาตรา 256 ร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น ประการแรกคือ ต้องทำตามกระบวนการ เนื่องจากการเสนอญัตตินี้คราวก่อน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติจึงต้องไปดำเนินการตามนั้น อีกประการหนึ่งคือพรรคก้าวไกลเองก็จะร่างแก้ไขมาตรานี้ในแนวทางของพรรค อย่างไรก็ตามกระบวนการเหล่านี้ต้องหลังจากผ่านการประชามติแล้ว ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจึงอยากมุ่งไปที่มาตรา 272 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปิดสวิตช์ ส.ว.
.
“ตามลำดับความสำคัญของกฎหมาย สภาควรจะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประชามติก่อน การแถลงข่าวในวันนี้จึงเป็นการเรียกร้องไปยังประธานรัฐสภาด้วยว่า จะต้องไม่นำเอาเจตจำนงของพรรคการเมืองไหนมาเหนือประธานรัฐสภา
.
สำหรับที่ถามมาว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบเพราะเสียประโยชน์หรือไม่ เรายืนยันว่าพร้อมต่อสู้ในทุกระบบการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งแบบจำนวนบัตรสองใบเราเห็นด้วย แต่ระบบบัตรสองใบก็มีหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบปี 40 เท่านั้น ซึ่งเราต้องการระบบการเลือกตั้งที่ตอบสนองเจตจำนงของประชาชนที่สุด เสียงต้องไม่ตกน้ำหรือไม่ใช่การเลือกตั้งที่ผลออกมาแล้วไม่เป็นพรรคใหญ่ก็มีแค่พรรคเล็กไปเลย ระบบบัตรสองใบเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบได้ แต่วิธีการคำนวณจัดสรร ส.ส. แบบเขตกับบัญชีรายชื่อมีหลายแบบ ซึ่งระบบ MMP แบบเยอรมันเป็นระบบที่ไม่มีเสียงตกน้ำ เราจึงเชื่อว่าเป็นระบบที่เหมาะสมและตอบสนองเจตจำนงประชาชนมากที่สุด” พิธากล่าวในที่สุด
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews
https://www.facebook.com/pipob.udomittipong/posts/10159239657786649
.....
อานนท์ นำภา
6h ·
ถ้าไม่ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้รัฐธรรมนูญยังไงก็วนมาที่เดิม
ข้อเสนอของผมคือ ต้องพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไปพร้อมๆกับการแก้รัฐธรรมนูญ
ซักผ้า ซักแค่แขนเสื้อได้หรอ มันต้องซักทั้งตัวสิ
...
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
8h · สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาคือ เพื่อไทยกับพปชร.จะรวมหัวกันแก้ไขระบบเลือกตั้งในรธน.ให้เป็นบัตรสองใบ เพิ่มจำนวนสส.เขต ลดสส.บัญชีรายชื่อ ("กำขี้ดีกว่ากำตด") ซึ่งสองพรรคนี้จะได้ปย.มากที่สุด
เปลือกนอกของสภาชุดนี้เป็นการแบ่ง "พรรครัฐบาล" กับ "พรรคฝ่ายค้าน" แต่เนื้อในเป็นการแบ่งระหว่าง "การเมืองเก่า" กับ "การเมืองใหม่" ถ้ามองเข้าไปข้างในทั้งเพื่อไทยและพปชร. จะเห็นว่า แกนนำส่วนใหญ่คืออดีตไทยรักไทย-พลังปชช.-เพื่อไทย พวกเขาคือนักการเมืองกลุ่มเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแบ่งบทกันเล่นในเกมเลือกตั้งและเกมสภา แต่ล้วนมีผลปย.สุดท้ายเหมือนกันคือ เข้าไปแชร์อำนาจภายใต้ระบอบเดิม (ที่ไม่แตะหมวด 1-2) อนาคตใหม่-ก้าวไกลคือ alien เป็นพวกผ่าเหล่าที่เข้ากับพวกเขาไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่องและต้องถูกกำจัดทิ้งเสีย
ด้วยระบบข้างต้น การเลือกตั้งครั้งต่อไป พปชร.มีแนวโน้มเป็นพรรคใหญ่อันดับหนึ่ง นายกฯคนต่อไปคือปะยุด2 แต่ถ้าเพื่อไทยมาอันดับหนึ่งตามที่ฝันหวานกัน นายกฯคนต่อไปก็คือปะยุด2 ต่างกันแค่ว่า ใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรบ.โดยมีปะยุด2 มานั่งหัวโต๊ะเท่านั้น!
ปรองดอง ปรองดอง ปรองดอง แก้ไขไม่แก้แค้น แก้ไขไม่แก้แค้น แก้ไขไม่แก้แค้น
...
Somsak Jeamteerasakul
17h ·
เพื่อไทยไม่แตะหมวด 1 และ 2 เพราะทักษิณไม่ต้องการทำอะไรที่ขัดวชิราลงกรณ์ ประชารัฐ, ภูมิใจไทย ฯลฯ ไม่แตะเพราะหวังใช้ประโยชน์ มีก้าวไกล ไม่ยกเว้นหมวดนี้ (แม้จะยังไม่ทำเป็นเป้าหมาย)
ยกเว้นแต่วันพรุ่งนี้ คนพวกนี้หายไปหมด (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) นี่เป็นอุปสรรคใหญ่ของการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ (ดูง่ายๆว่า แม้แต่คนอย่างไอติม, ฟูฮาดี้, สฤณี ฯลฯ ยังไม่ยอมแตะเรื่องนี้)
การเคลื่อนไหวที่ผ่านมามีปัญหาตรงนี้