วันอังคาร, มิถุนายน 08, 2564

มารู้จักกับผู้คิดระบบการศึกษาบังคับเด็กชนพื้นเมือง "อันน่าละอาย" ของแคนาดา หลังขุดพบศพเด็กชนพื้นเมือง 215 คน



Egerton Ryerson


แคนาดากับประวัติศาสตร์ "อันน่าละอาย" หลังขุดพบศพเด็กชนพื้นเมือง 215 คน


4 มิถุนายน 2021
BBC Thai

การค้นพบศพเด็กชนพื้นเมืองแคนาดา 215 ราย ใกล้เมืองคัมลูปส์ ในรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ทำให้เกิดความโกรธแค้นและโศกเศร้าไปทั่วประเทศ

นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นจากการสืบสวนที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องโดยชนพื้นเมืองเทอห์แคมลูบส์ เทอห์ เซอห์เคว็บเมอห์ (Tk'emlúps te Secwépemc First Nation) ถึงการเสียชีวิตของเด็กที่เป็นนักเรียนของโรงเรียนประจำคัมลูปส์อินเดียน (Kamloops Indian Residential School)

โรงเรียนรัฐบาลเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่จะพยายามให้เด็กชนพื้นเมืองปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมกระแสหลัก และทำลายวัฒนธรรมและภาษาของชนเผ่าพวกเขา

เรารู้อะไรแล้วบ้าง


โรงเรียนประจำคัมลูปส์อินเดียน (Kamloops Indian Residential School) ในบริติชโคลัมเบีย ในช่วงเวลาที่มีเด็กลงทะเบียนเรียนมากที่สุด เคยมีเด็กอาศัยอยู่ 500 คน

โรซาน แคสิเมียร์ หัวหน้ากลุ่มชนพื้นเมืองเทอห์แคมลูบส์ เทอห์ เซอห์เคว็บเมอห์ ประกาศการค้นพบนี้เมื่อ 27 พ.ค. ซึ่งอาศัยตัวช่วยจากเทคโนโลยีเรดาร์ที่ทำให้สามารถสำรวจทะลุพื้นดินลงไปได้ หลังจากที่ค้นพบตำแหน่งหลุมฝังศพมาก่อนหน้านี้ในช่วงต้น ๆ ของทศวรรษ 2000

คาดว่ารายงานสืบสวนฉบับเต็มจะเสร็จสิ้นกลางเดือน มิ.ย. โดยหัวหน้าชนเผ่าต่าง ๆ รวมถึงนักเคลื่อนไหวคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้

มีเด็กหลายพันรายที่เสียชีวิตในโรงเรียนประจำลักษณะนี้ บางรายอายุเพียง 3 ขวบ และน้อยครั้งที่ร่างพวกเขาจะถูกส่งคืนครอบครัว ส่วนใหญ่จะถูกฝังทิ้งอย่างไม่สนใจไยดี

ถึงตอนนี้ ยังไม่มีภาพรวมที่ชัดเจนว่าเด็กตายเพราะสาเหตุใด และมีทั้งหมดกี่รายกันแน่

ระหว่างปี 1890 ถึง 1969 โรงเรียนประจำคัมลูปส์อินเดียนซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาโรงเรียนแบบเดียวกัน มีนักเรียนมากถึง 500 คน โดยหลายคนถูกส่งมาจากบ้านซึ่งห่างไกลจากครอบครัวพวกเขาถึงหลายร้อยกิโลเมตร

สเตฟานี สกอตต์ ผู้อำนวยการบริหารศูนย์เพื่อความจริงและการปรองดองแห่งชาติ (National Centre for Truth and Reconciliation) กล่าวว่าสามารถระบุตัวตนของเด็กได้ 50 คนแล้ว และเท่าที่รู้ เด็ก ๆ เสียชีวิตระหว่างปี 1900 ถึง 1971

สำหรับเด็ก 165 คนที่เหลือ ไม่มีประวัติข้อมูลมากพอที่จะระบุตัวพวกเขาได้

การค้นพบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกโกรธแค้นไปทั่วแคนาดา ผู้คนออกมาวางดอกไม้และตุ๊กตาหลายจุดทั่วประเทศเพื่อรำลึกถึงเด็ก ๆ ที่เสียชีวิต

แต่สำหรับผู้นำชนเผ่าเอง นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

"เหยื่อผู้รอดชีวิตพูดเรื่องนี้มีหลายต่อหลายปีแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อพวกเขา" หัวหน้าสมัชชากลุ่มชนพื้นเมืองในแคนาดา เพอร์รี เบลล์การ์ด กล่าว

โรงเรียนประจำ


เด็กชนพื้นเมืองในโรงเรียนประจำในปี 1950

โรงเรียนประจำคัมลูปส์อินเดียนเป็นหนึ่งในโรงเรียนประจำกว่า 130 แห่งซึ่งดำเนินการในแคนาดาระหว่างปี 1874 ถึง 1996 โรงเรียนเหล่านี้พรากเด็กชนพื้นเมืองจากครอบครัวของพวกเขา สอนให้เลิกพูดภาษาของตัวเอง เรียนภาษาอังกฤษ และเริ่มนับถือศาสนาคริสต์

นโยบายนี้เริ่มเป็นภาคบังคับในช่วงทศวรรษ 1920 โดยพ่อแม่อาจโดนโทษจำคุกหากไม่ยอมส่งลูกมาเรียน

สมาคมเหยื่อผู้รอดชีวิตจากโรงเรียนประจำอินเดียน (Indian Residential School Survivors Society) บอกว่า ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นผู้รับผิดชอบบริหารงานโรงเรียนถึง 70%

"มันเป็นนโยบายของรัฐบาลเราที่จะกำจัดความเป็นอินเดียนในตัวเด็ก" เพอร์รี เบลล์การ์ด กล่าว "เป็นการทำลายตัวตน ครอบครัว ชุมชน และก็ชาติด้วย"

รายงานฉบับสำคัญโดยคณะกรรมการเพื่อความจริงและการปรองดอง (Truth and Reconciliation Commission) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2015 บอกว่านโยบายของรัฐบาลเป็นการสังหารกวาดล้างทางวัฒนธรรม

รายงานยาว 4,000 หน้า ลงรายละเอียดว่า เด็กเหล่านี้ถูกคริสตจักรและรัฐบาลละเลยอย่างไรบ้าง

"รัฐบาล โบสถ์ เจ้าหน้าที่โรงเรียน ตระหนักถึงความล้มเหลวและผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กเหล่านี้ดี" ผู้เขียนรายงานระบุ

รายงานระบุอีกว่า สภาพความเป็นอยู่ที่สกปรกในโรงเรียนเป็นผลจากการที่รัฐบาลต้องการจะประหยัดงบประมาณ
รายงานฉบับนี้ว่าอย่างไรอีกบ้าง


การค้นพบนี้ทำให้คนสร้างจุดแสดงความอาลัยแก่เด็กเหล่านี้ไปทั่วแคนาดา

คณะกรรมการเพื่อความจริงและการปรองดองบอกว่า เด็กชนพื้นเมืองหลายพันคนที่ถูกส่งไปโรงเรียนประจำไม่ได้กลับบ้านอีกเลย การละเมิดทางกายและทางเพศทำให้เด็กบางคนหลบหนีไป ถึงปี 1945 อัตราการเสียชีวิตของเด็กโรงเรียนประจำเหล่านี้สูงกว่าเด็กทั่วไปถึง 5 เท่า ถึงทศวรรษ 1960 ตัวเลขนั้นก็ยังสูงกว่าถึง 2 เท่า

ประธานคณะกรรมการเพื่อความจริงและการปรองดอง เมอร์เรย์ ซินแคลร์ ระบุในแถลงการณ์ว่า "เหยื่อผู้รอดชีวิตพูดถึงเด็กบางคนที่อยู่ ๆ ก็หายตัวไป บางคนพูดถึงเด็กที่หายไปในหลุมฝังศพรวมขนาดใหญ่"

ผู้รอดชีวิตบางคนเล่าถึงเด็กที่ตั้งครรภ์เพราะบาทหลวง ก่อนที่ทารกจะถูกพรากไปจากแม่และถูกจับโยนใส่เตาเผา

ในปี 2015 มีการคาดการณ์ว่า มีเด็กเสียชีวิตขณะอยู่โรงเรียนประจำ 6,000 ราย โดยถึงตอนนี้มีการระบุตัวตนได้แล้ว 4,100 ราย

เมื่อปี 2015 คณะกรรมการเพื่อความจริงและการปรองดอง เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ 94 ประการด้วยกัน โดยคณะกรรมการฯ บอกว่า ถึงตอนนี้แล้วเสร็จไปแล้ว 10 ประการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 64 ประการ และยังไม่ได้เริ่ม 20 ประการ


นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด คุกเข่าไว้อาลัย

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดพูดถึงเรื่องนี้ว่า "เป็นเครื่องย้ำเตือนที่เจ็บปวด" ของ "ประวัติศาสตร์บทหนึ่งอันน่าละอายของประเทศเรา"

สเตฟานี สกอตต์ ผู้อำนวยการบริหารศูนย์เพื่อความจริงและการปรองดองแห่งชาติ บอกว่า นายกฯ ทรูโดมีคำพูดมากมาย แต่พวกเขาต้องการเห็นการลงมือปฏิบัติด้วย

สกอตต์ รวมถึงผู้นำชนเผ่าต่าง ๆ ต้องการเห็นการสืบสวนอย่างละเอียดที่โรงเรียนทั้ง 130 แห่ง เพื่อหาหลุมศพที่ไม่ได้ถูกกำหนดจุดไว้

การค้นพบเบื้องต้นนี้นำไปสู่การเรียกร้องให้ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกออกมาขอโทษ ดังที่คณะกรรมการเพื่อความจริงและการปรองดอง ได้เรียกร้องมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ

ในทศวรรษ 1980 และ 1990 ศริสตจักรนิกายยูไนเต็ดเมธอดิสต์ แองกลิกัน และเพรสไบทีเรียน ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการ