วันพุธ, พฤษภาคม 05, 2564

“เฮ้อ” ควันหลงลูกบิดต่อ



สมชาย แซ่จิว
13h ·

“เฮ้อ”
เสียงแม่พลอยถอนหายใจ ทำให้แม่ช้อย
ที่ง่วนอยู่กับมะปรางริ้วต้องวางมือ
“เป็นอะไรรึ พลอย”
“ไม่รู้สิ ช้อย ใจฉันมันโหวงๆ ชอบกล
รู้สึกใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้ว่าตาอั้น ตาอ๊อด
ที่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาจะเป็นอย่างไรบ้าง” พลอยตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
แม่พลอยจะรู้ไหมว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
ที่เมืองนิวหยวก สหปาลีรัฐ หิมะกำลังตกหนัก
ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง
มีเสียงคนกำลังร้องไห้จ้า สลับกับเสียง
คนด่าทอด้วยความหงุดหงิด
“ชั้นอยากกลับบ้าน ฮือๆๆๆ
พ่อจ๋า แม่จ๋า พาชั้นกลับไปที
ไม่อยู่แล้วประเทศบ้าเนี่ย ฮือๆๆๆ”
“ไอ้อาจมเอ๋ย เมื่อไหร่จะเลิกโง่เสียที”
เป็นเสียงของพ่ออั้นที่ด่านายอาจม นักเรียนไทยหน้าโง่ที่ตอนนี้มือติดอยู่กับลูกบิดประตู
ทิ้งร่างร้องไห้งอแงอยู่กับพื้น
“ใครเขาโง่ใช้มือเปล่าจับลูกบิด
โลหะเย็นๆ กลางฤดูหนาวแบบนี้
จะโทษลูกบิด หรือโทษลูกคนไทย
โง่ๆ ดีเนี่ย” พ่ออ๊อดที่กำลังช่วยอยู่
ก็ด่าสำทับเข้าให้
“แค่ลูกบิดประตู นายยังแพ้
กลับเมืองไทยจะไปทำอะไรกิน” ตาอั้นเยาะ
นายอาจมหันขวับมาตอบอย่างมั่นใจ
ทั้งน้ำหูน้ำตาน้ำมูกยังนองหน้า
“ชั้นจะไปเป็นครูที่นิด้า”
.....
Teepagorn Champ Wuttipitayamongkol
Yesterday at 11:03 AM ·
มีเหตุการณ์หนึ่งที่ฝังใจผมมาก วันหนึ่งอากาศหนาวมาก (Freezing) ผมจะเข้าโรงแรม (酒店) เลยถอดถุงมือ (Gloves) เพื่อให้จับลูกกุญแจไขลูกบิด (Doorknob) ได้ถนัด เอามือเปล่าจับประตู (ドア) เนื่องจากหนาวเย็นจัดมาก มือเปล่าๆ (Bare hands) เลยเกิดน้ำแข็งเกาะติดกับลูกบิดประตู ผมต้องก้มเอาลมปากร้อนๆ เป่า (Blow) มือจนเอามือออกจากลูกบิด (Doorknob)
พร้อมกับคำถาม (Question) ในใจว่า เราจะมาอยู่ทรมานเป็นพลเมืองชั้นสามชั้นสี่ในที่ๆ ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเราไปทำไม (Why) วินาทีนั้นทำให้ผมตัดสินใจในทันทีว่าผมต้องกลับมารับใช้ชาติบ้านเมือง (Homeland)
ฉับพลัน พนักงานของโรงแรม (Doorman) ก็บอกว่าอย่าโง่ (Don't be stupid) แล้วชี้ไปที่คีย์การ์ดในมือผม (Hand)

Arunee Lakkham
ดิฉันเป็นsellmanขายลูกบิดช่วงโควิด / ดิฉันจะรับเรื่องไว้ไปพัฒนาสารเคลือบลูกบิดให้เป็นฉนวนกันความเย็นนะคะ รอแพร๊บ / ขอบคุณที่จุดประกายวงการลูกบิดค่ะ ปกติถึงจะเมืองหนาวก็ไม่มีใครสนใจที่จะเคลือบด้วยสารที่เป็นฉนวนความเย็นเลย