วันจันทร์, เมษายน 12, 2564

‘ยืนหยุดขัง’ วอนปล่อยลูกแม่



62 วัน คุมผู้บริสุทธิ์ ร่วม ‘ยืนหยุดขัง’ ทะลุ 175 คน ‘ราษมัม’ อุ้มรูปลูกหน้าศาล ‘ทราย’ ร่วมด้วย

11 เมษายน 2564
มติชนออนไลน์

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 11 เมษายน ที่ หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ยืนหยุดขัง” 112 นาที เป็นวันที่ 20 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าจะจัดขึ้นทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับอิสรภาพ

ทั้งนี้ มีการปรับเวลาจัดกิจกรรม จากเดิมเริ่มเวลา 17.00 น. เป็น 17.30 น. และสิ้นสุด ในเวลา 19.22 น. เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเริ่มต้นของวันนี้ มีผู้ร่วมทำกิจกรรม กว่า 80 คน นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553 และ “คณะราษมัม” ที่มาร่วมยืนเพื่อยืนยันสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นครั้งแรก นำโดย นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน, นางสุริยา สิทธิจิรวัฒนกุล มารดาของ น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง, นางมาลัย นำภา มารดาของ นายอานนท์, นางอรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ มารดาของ นายไชยอมร หรือ แอมมี่ เดอะบอททอม บลูส์ และ นางณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน พยาบาลอาสา เพื่อนของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข มาพร้อมกับครอบครัว โดยคณะราษมัม ต่างกอดภาพของบุตรของตนเองไว้แนบอก

ทั้งนี้ ยังมีน้องสาวของ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน, พี่สาวของรุ้ง ปนัสยา และ แฟนสาวของไผ่ ดาวดิน มาร่วมด้วย โดยทุกคนชูภาพพี่ชาย น้องสาว และแฟนหนุ่มของตนเอง



นอกจากนี้ น.ส อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย นักร้อง นักแสดง และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ฉายาแม่ยกแห่งชาติ ก็นำรูปภาพของแกนนำ และอุปกรณ์อื่นๆ มาสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ตามคำขอของ มารดา นายพริษฐ์ มีนายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ นักสังเกตการณ์ทางการเมือง นำเจลแอลกอฮอล์มาบริการผู้ร่วมกิจกรรม อีกทั้งยังมีหมู่บ้านทะลุฟ้า ภาคี save บางกลอย กลุ่มศิลปะปลดแอก มาร่วมกางผ้าใบกันฝนขนาดใหญ่ก่อนเริ่มกิจกรรม และนำรูปภาพของแกนนำมาให้นักกิจกรรมยืนถือเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว กลุ่มการ์ดอาชีวะ มาร่วมดูแลความปลอดภัยตลอดการทำกิจกรรม ท่ามกลางฝนที่ปรอยลงมาเล็กน้อย โดยผู้ทำกิจกรรมต่างกางร่ม และสวมชุดกันฝน ขณะที่ผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนยืนตากฝน บางส่วนสวมเพียงหมวก แต่ยังคงมุ่งมั่นยืนทำกิจกรรมต่อไป



สำหรับรูปแบบกิจกรรม ยังคงเป็นการตั้งแถวหน้าป้ายศาลฎีกา ประตู 3 โดยนำป้ายข้อความ อาทิ ‘Free our friends’, ‘ปล่อยเพื่อนเรา’, ‘ปล่อยรุ้ง เพื่อนเรา’, ‘ปล่อย อานนท์เพื่อนเรา’, ‘ปล่อยแอมมี่ เพื่อนเรา’ มาแขวนคอ บางรายถือภาพ ของกลุ่มต้องขัง ได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่, นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ และ นางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการกรมสรรพากร เป็นต้น

เวลา 18.40 น. มีผู้มาร่วมทำกิจกรรม รวมกว่า 140 คน โดยระหว่างนี้มีผู้ร่วมกิจกรรมบางรายหลั่งน้ำตาพร้อมกอดรูปภาพของเพื่อนไว้ในอก ขณะที่ชายรายหนึ่งสวมชุดนักโทษ นอนลงบนพื้น โดยนำผืนผ้าสีแดงระบุข้อความนักสู้ธุลีดิน ปิดส่วนหัวไว้ ทั้งนี้มีแผ่นกระดาษเขียนข้อความไว้ด้วยว่า “ใช้เลือดเท่าไหร่ ? ล้างสังคมทราม”

เวลา 18.52 น. นายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน กล่าวว่า “ปล่อยเพื่อนเรา”

ผู้ร่วมทำกิจกรรมต่างชู 3 นิ้วตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา” และ “ปล่อยลูกเรา” ดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศเวลา 18.58 น. มีผู้เดินทางมาร่วมกิจกรรมเพิ่มเติมอีกรวมกว่า 170 คน โดย นายสิรภพ อัตโตหิ หรือ แรปเตอร์ แกนนำกลุ่มเสรีเทยพลัส เดินทางมาสมทบ พร้อมสวมชุดกันฝน และหน้ากากอนามัย

กระทั่งเวลา 19.22 น. เป็นเวลาสิ้นสุดกิจกรรม “ยืนหยุดขัง”



นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ กล่าวว่า เพื่อนเรามีความผิดมาแล้ว 62 วัน เป็นการจับกุมคุมขังผู้บริสุทธิ์ ถือว่า ผิดกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ไม่สามารถนำผู้ต้องขังที่ยังไม่ได้ไต่สวนไปขังคุกได้ ไทยได้ลงนามไว้กับสหประชาชาติ ส่วนพริษฐ์อดอาหารมาแล้ว 27 วัน รุ้ง ปนัสยา ก็ได้อดอาหารเป็นเพื่อน พี่สาวของรุ้ง เมธาวี ก็อดร่วมกับน้องสาว ขอบคุณที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ มีแม่ๆ มาร่วมด้วย ลำบากตรากตรำแล้วยังต้องมายืนขาแข็งกับพวกเรา ขอให้ทุกคนร่วมกันชูสามนิ้วด้วยแขนข้างซ้าย

จากนั้น ผู้ร่วมกิจกรรม 175 คน ร่วมกันชูสามนิ้วพร้อมเปล่งเสียงตะโกนว่า ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ 3 ครั้ง ก่อนยุติกิจกรรมอย่างสงบเรียบร้อย

.....


The Reporters
13h ·

UPDATE: ‘แม่เพนกวิน’ ยืนยันลูกชายยังคงปลอดภัยดี หลังมีกระแสข่าวเพนกวินเสียชีวิต ฝากบอกมวลชนให้สบายใจ

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เสียชีวิต วันนี้ (11 เม.ย. 64) นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ได้เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อติดตามและสอบถามเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ โดย นางสุรีรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับ The Reporters ระบุว่า จากกระแสข่าวเพนกวินเสียชีวิต วันนี้แม่จึงเดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อสอบถามความเป็นจริงจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เมตตาในการนำรูปภาพของเพนกวินที่มีเหล่าบรรดาแกนนำคนอื่นๆ คอยดูแลอยู่ มาให้แม่ดูทำให้แม่รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางเรือนจำพิเศษจึงมีมาตรการไม่ให้แม่เข้าไปไปเยี่ยมลูก

โดย นางสุรีรัตน์ ฝากบอกมวลชนที่เกิดความไม่สบายใจเกี่ยวกับกระแสข่าวนี้ว่า ขอให้ทุกคนสบายใจได้ เพราะข่าวที่ออกมานั้น อาจเป็นการสร้างกระแสให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย วันนี้แม่ได้เดินทางมาพิสูจน์ความจริงแล้ว และขอขอบคุณพ่อแม่มวลชนที่แสดงความห่วงใย เพราะแม่รู้ว่าเพนกวินเสมือนเป็นลูกของพ่อแม่มวลชนทุกคน ที่ผ่านมาเพียงแต่เรื่องการอดอาหารของลูก ก็สร้างความกังวลให้แก่แม่และทุกคนมากพอแล้ว ยิ่งมีกระแสข่าวมาอย่างนี้จึงเข้าใจความรู้สึกของทุกคน และขอให้ทุกคนได้สบายใจ เพราะระหว่างนี้แม่จะเฝ้าติดตามความเป็นไปของลูกอย่างใกล้ชิดและไม่นิ่งนอนใจ จนกว่าทนายความจะสามารถเข้าเยี่ยมเพนกวินได้อีกครั้งในวันศุกร์หน้า

นอกจากนี้ นางสุรีรัตน์ ยังกล่าวถึงอาการของ นายพริษฐ์ ด้วยว่าจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ท่านบอกว่าตอนนี้สุขภาพลูกยังดีอยู่ แต่น้ำหนักลดลงประมาณ 10-20 กก. ซึ่งลูกอาจเคลื่อนไหวร่างกายยากลำบาก แม่จึงเดาว่าเขาสามารถทำได้เพียงภารกิจส่วนตัวเท่านั้น และอาจต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นและบนเตียงเป็นหลัก ส่วนวันที่ 8 เม.ย. ที่ตนเองได้ไปร่วมสังเกตการณ์กรณีการนัดแกนนำราษฎรไปตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยมีการเบิกตัวเพนกวินมาด้วย นางสุรีรัตน์ ระบุว่า ตนเองได้เพียงแต่มองดูลูกชายอยู่ห่างๆ เนื่องจากในวันนั้นศาลมีมาตรการเข้มงวด ในการเข้าไปภายในตัวตึกและไม่อนุญาตให้แม่เข้าไป แต่ช่วงหลังแม่ขอเข้าไป จึงเข้าได้เพียงพื้นที่หน้าห้องพิจารณาคดีเท่านั้น

นางสุรีรัตน์ เล่าบรรยากาศหน้าห้องพิจารณาคดีในวันดังกล่าวว่า “ทนายความได้ทำเรื่องขออนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าไปหลายรอบ แต่ไม่ได้รับอนุญาต แม่จึงนั่งข้างหน้าเพื่อรอดูลูกห่างๆ ซึ่งแม่มองว่าโหดร้ายไปหน่อย เมื่อลูกถูกนำตัวมาถึงแม่พยายามตรวจสอบแขนและขาของลูกว่ายังมีอาการเย็นและมีสีดำคล้ำอยู่หรือไม่ และพยายามยื่นมือไปจับลูก แต่ไม่สามารถจับได้ แม่จึงเกิดความสงสัยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เข้มงวดถึงเพียงนี้ โดยขณะที่ลูกและแกนนำราษฎรคนอื่นๆ เดินมาถึงนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประมาณ 6 คน พากันล้อมหน้าล้อมหลังตัวลูกและคนอื่นๆ จึงรู้สึกว่าเขาเข้มงวดเกินไป เพราะวันนั้นนับเป็นวันสุดท้ายที่เด็กๆ ต้องเดินทางมาศาล นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้เจอลูก ก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีกหลายวัน”

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นแม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เพนกวินอดอาหารมาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว จึงไม่รู้ว่าลูกจะอดทนได้แค่ไหน มวลชนจึงได้ร่วมกันทำโครงการรณรงค์เขียนจดหมาย 112 ฉบับ เพื่อส่งให้เพนกวิน เพราะผู้ใหญ่หลายคนได้พยายามบอกเพนกวินให้เลิกอดอาหาร แต่ลูกแน่วแน่จึงไม่ยอมยุติการอดอาหาร ซึ่งทางครอบครัวก็เป็นห่วงสุขภาพของลูก แต่เขายังคงยืนหยัดในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมมีข้ออ้างรูปแบบใหม่มาเรื่อยๆ แม่อยากบอกว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีความผิด ฉะนั้นแล้ว การจะปล่อยตัวชั่วคราวจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตนเองเชื่อว่าหากลูกได้ออกมาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ จึงอยากให้ศาลสถิตยุติธรรมได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเสมือนการตัดอนาคตเด็ก เนื่องจากหลังเทศกาลสงกรานต์ลูกจะต้องสอบแล้ว ถ้าไม่ได้สอบอาจต้องดรอปเรียนไว้ จึงอยากขอวิงวอนว่าพอได้แล้ว อย่าทำลายอนาคตประเทศชาติเลย อยากให้มาคุยกันดีๆ เพราะเด็กรุ่นนี้จะเป็นต้นกล้าที่เติบโตมาใหม่ เราเป็นผู้ใหญ่รุ่นเก่าที่ต้องประคับประคองให้เขาแข็งแกร่ง เพื่อจะช่วยเหลือประเทศชาติต่อไปในอนาคต โดยวันนี้เวลา 17:00 น. นางสุรีรัตน์รวมทั้งแม่แกนนำคนอื่นๆ จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 112 นาที เพื่อร่วมเรียกร้องตามแนวทางสันติวิธีให้ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทางการเมืองทุกคน

#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์
.....
Karnt Thassanaphak
23h ·

เท่าที่ผมทราบ (ข้อมูลในคืนวันที่ 10 เม.ย.) เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ยังคงกำลังใจดี และยังไม่ได้ถูกส่งไป รพ. ตามที่มีข่าวลือ -- แต่น้ำหนักคือหายไปอย่างน้อย 10 กก. แล้ว (ข้อมูล 9 เม.ย.)
ผมเข้าใจที่หลายคนพยายามสื่อสารมายังเพื่อน คนใกล้ชิด และครอบครัวของกวิ้น เพื่อขอให้บอกกวิ้นหยุดอดอาหาร ทุกคนช่วยกันบอกหมดแล้วครับ หลายครั้ง แต่กวิ้นยังยืนยันตามเดิม
ผมไม่ใช่คนที่รู้จักเพนกวินดีที่สุด แต่เท่าที่พอจะรู้จักเขาอยู่บ้าง,
ตามความเห็นส่วนตัวของผม คนที่มีอิทธิพลกับกวิ้นมากที่สุดไม่ใช่เพื่อน คนใกล้ชิด หรือแม้แต่ครอบครัว
แต่คือ "มวลชน" หรือ "ประชาชน"
เท่าที่รู้จักกันมา เพนกวินยกให้มวลชนมาก่อนเสมอ
และสิ่งที่มีความหมายกับกวิ้นมากที่สุด โดยเฉพาะในนาทีนี้ ก็คือการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีของประชาชนที่เขาทุ่มเทชีวิตให้
ผมเองก็ไม่รู้แน่ว่าพวกเรา (ประชาชนข้างนอก) ควรต้องทำอย่างไร แต่เชื่อว่าทางเดียวที่จะทำให้กวิ้นหยุดอดอาหาร ก็คือทำให้เขาเห็น ส่งเสียงให้เขารับรู้ และสู้จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวก
ส่วนต้อง "บวก" แค่ไหน อย่างไร ผมก็ยังจนปัญญาจะตอบ
สำหรับผม, วันหยุดยาวนี้น่าวิตกมาก เพราะเรือนจำปิด เยี่ยมผู้ต้องขังไม่ได้ แม้แต่ทนายก็เยี่ยมไม่ได้
ได้แต่หวังว่าจะมี "ข่าวดี" ที่ดีมากพอจะดังก้องผ่านซี่กรงขังเข้าไปถึงเพนกวินและ "เพื่อนเรา" คนอื่นๆ ให้เกิดกำลังใจ และเปลี่ยนวิธีการจากอดอาหารมาต่อสู้ร่วมกับมวลชนข้างนอกด้วยวิธีอื่น
สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจตอนนี้ก็คือ
สำหรับ "นักสู้" เหล่านี้,
ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าประชาชนและการต่อสู้อีกแล้ว
#อย่าลืมพวกเขา
และ #อย่าหยุดสู้ ครับ
ขอบคุณครับ