วันเสาร์, เมษายน 17, 2564

"ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ไม่พูดจาไร้สาระ บิดเบือน” ใครพูดถึงใครอะ


ใครนะเขียนสปีชให้ประยุทธ์อ่าน เนื้อหากับบุคคลิกช่างต่างกันดั่งฟ้ากับเหว แม้จะมี ‘added lips’ พูดเองเสริมเนื้อความเสียจนยาวเหยียด ก็เป็นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ซ้ำกิริยาวาจาที่หลุกหลิก ยิ่งทำให้นายจันทร์อะไรเนี่ย ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าตลกหลวงธรรมดา

โดยเฉพาะการอ่านรายชื่อวัคซีนโควิดซึ่งอ้างว่ารัฐบาลได้ติดต่อขอซื้อไว้หมดแล้ว (แต่ซื้อไม่ได้สักอย่างนั่น) กลายเป็น คาถากันโควิดให้ชาวบ้านเอาไปล้อเล่นสนุกสนาน ไม่ว่าจะ “สะปุตนิดวี คอนวีนีเซีย แอดไฟว์แอน...แอนคับเว่อร์ แอน..คับ..แอดไฟว์แอนโควิด

แอนแคสซิโน่ ไบโอโลจิก ชิโนฟาร์มโควัคซิน....บารัก..ไบโอแทค.....ไบโอเทคหรือไฟเซ่อร์” (ขอบคุณ 𝕄𝕠𝕦𝕚 @moui อุตส่าห์สะกดออกมาให้อ่าน) อย่างที่ ITRC @charoenpura แซว ให้ “พนมมือแล้วว่าตาม” ส่วนเนื้อหาดังที่ sirote klampaiboon@sirotek สรุปไว้

“ประยุทธ์แถลงด่วนไม่เคอร์ฟิว-ไม่ล็อกดาวน์ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ติดเชื้อหมด ยกสุภาษิตโบราณสอนคนไทย ระบุต้องหยุดฟังคนพูดมาก-คนเพ้อเจ้อ จากนี้จะเร่งหาวัคซีนจากผู้ผลิตรายต่างๆ ที่ผ่านมาไม่ทำเพราะต้องลงทุนตั้งแต่ต้น ใช้เงินเยอะ ไม่โกรธเวลาถูกด่า เดี๋ยวเข้าตัวเอง ขออโหสิให้ประชาชนทุกคน”

ครั้นยกภาษิตมาสอนประชากร กลับยอกย้อนเข้าเนื้อตนเองทั้งนั้น “ยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ” แต่ที่ได้มาออกลูก บ้าบิ่น“เมื่อถึงคราวปรึกษางาน ต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ไม่พูดจาไร้สาระ บิดเบือน” อันนี้ตรงเผงกับประยุทธ์เองและบรรดาลิ่วล้อ

หรือที่ว่า “ยามมีข้าวน้ำต้องการผู้เป็นที่รัก ยามเกิดปัญหาต้องการบัณฑิต” (Deep Blue Sea @WassanaNanuam) ก็ถูกครึ่งเดียว เนื่องเพราะก่อนโควิดอาจจะมีคนรักคนชอบไม่น้อย ทว่ายามนี้บัณฑิตอยู่ฝ่ายตรงข้ามเสียหมด จากการ ไร้น้ำยา หาแก่นสารได้ยากในตัวประยุทธ์

ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ ต้องช่วยเตือนสติ “ประชาชนต้องการรู้ที่สุดคือ ไทยจะมีวัคซีนพอฉีดกันทุกคนไหม และจะได้ฉีดกันเมื่อไหร่ เข้าใจไหม” แต่ที่ประยุทธ์พูดวานนี้มีแต่ “แบบมั่วๆ เอ่ยชื่อยาและบริษัทผลิตถูกๆ ผิดๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ทีหลังอย่าทำอีก”

พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นิติจุฬาฯ ฟังประยุทธ์พล่ามแล้วยังเห็นว่า “ตลกนะครับที่พูดแบบนี้...” การวิพากษ์และตั้งคำถามต่อรัฐบาล เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่หวาดระแวงว่าห่าจะลงเหมือนโบราณว่า กลับกลายเป็น “ถือว่าไม่ร่วมมือกับรัฐบาล ไม่เป็นผลดีกับประเทศ” ไปฉิบ


ดูจากสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่นี่ผ่านมาสองอาทิตย์ได้แล้ว ศบค.ซึ่งประยุทธ์นั่งคุมเอง เพิ่งจะสรุปมาตรการออกมา “กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ๑๘ จังหวัด และอีก ๕๙ จังหวัดที่เหลือเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)” หลังจากเพิ่งตระหนักความจริงว่ามันระบาดลึกไปแล้วทั่วประเทศ

Ponson (พรสันต์)@pornson ถึงได้บอกว่า “รักประเทศกับรักรัฐบาลนี่คนละเรื่องนะครับ อย่าเอามาปนกัน บางครั้งถ้ารักประเทศจริงๆ ไม่ควรรักรัฐบาลก็มีถมไป” สถานการณ์ระบาดปัจจุบันเข้าข่ายตรงเผง ไหนจะนำกฎหมายไร้คุณธรรมมาใช้ทำร้ายคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง

แล้วยังบริหารจัดการกับปัญหาใหญ่เช่นโควิด-๑๙ นี้อย่างมั่วซั่วและหมกเม็ด ทำให้เศรษฐกิจซึ่งระกำมาแล้วตลอดการยึดอำนาจของคณะทหาร ๓ ป. กลับยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก โดยที่ ป.ประยุทธ์เองยอมรับว่าไม่ถนัด แทนที่จะเปิดทางให้คนที่เคยพิสูจน์แล้วว่า ถนัดกว่า เข้ามาทำแทน

กลับนั่งแช่ตำแหน่งอำนาจ ไม่แยแสว่าประเทศชาติและประชาชน ต้องสูญเสียโอกาสสร้างความก้าวหน้าไปไม่ใยดี หรือแม้แต่เพียงพยุงเศรษฐกิจซึ่งสะบักสะบอมไว้ไม่ให้ทรุดลงไปอีกได้ นับว่าเป็นเวรของประเทศ และกรรมของประชาชนโดยแท้

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2676541 และ https://m.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/309386987390078/)