อีกละ ‘หมอลิ่วล้อ’ พยายามช่วยรัฐบาลลดความเสียหายต่อหน้าตา วันก่อนบอกว่า “แนวโน้มยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ค่อนข้างชะลอตัวลง ไม่พุ่ง” เมื่อวานตัวนายจึงเอามาประโคมว่าการระบาดระลอกใหม่นี้ “ค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น”
พอวันนี้โควิดเค้าเลยติดเพิ่มขึ้นอีกเป็น ๑,๕๔๓ จากวันก่อน ๙๐๐ กว่า และเมื่อวาน ๑,๓๐๐ กว่า แสดงว่าอัตราเพิ่มขยายไม่หยุด ตรงข้ามกับวาทกรรมยกตนของคนในรัฐบาล แม้นว่าหมอคนนั้น โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคยอมรับ
“จะให้โควิดหมดเกลี้ยง ต้องล็อคดาวน์อย่างน้อย ๓ ปี” เพียงสถานการณ์ขณะนี้แค่ให้ล็อคดาวน์เฉพาะจุด อ้างการต่อสู้มียารักษา ๕ แสนกว่า ยันไปได้ ๕ เดือน และศักยภาพการตรวจหาเชื้อ มีกำลังทำได้วันละ ๘ หมื่นกว่า พอประทังซื้อเวลาให้รัฐบาลได้
แต่ไม่สามารถควบคุมการแพร่เชื้อของไวรัสครั้งนี้ได้ ดังที่เห็นๆ กันอยู่ @Rosie_Spokedark ถึงได้โพล่งแรง “ไม่มีวันคุมโรคได้เพราะมาตรการใดๆ ก็ไม่เคยบังคับใช้อย่างเสมอหน้า แผนการรูปธรรมที่ไล่ตรรกะได้ก็ไม่เคยมี แผนวัคซีนก็ไม่มี ทำเป็นแต่เห่าและออกคำสั่งโง่ๆ”
บ่นเบาหน่อยก็ prajak kong@bkksnow บอก “อยากให้หมอ (แม้ว่าจะเคยเป่านกหวีด) ยึดหลักวิทยาศาสตร์และ ค.ปลอดภัยในชีวิตของ ปชช. สำคัญเหนือหน้าตาของรัฐบาล” และเลยไปถึงอีกเหตุวิกฤติตุลาการ
“อยากให้ผู้พิพากษา (แม้ว่าจะเคยเป่านกหวีด) ยึดหลัก กม. และสิทธิของ ปชช. สำคัญเหนือคำสั่งที่ไร้ความเป็นมนุษย์ของผู้มีอำนาจ” ไม่ใช่เอาแต่ใจตน จนผู้เป็นมารดาอีกคน “แม่ของ ‘รุ้ง ปนัสยา’ กล่าวระหว่างร่วมยืน ๑๑๒ นาทีที่หน้าศาลฎีกา” ว่า
“เขาขโมยลูกเราไป...” แสดงถึงความไม่เป็นธรรมในกระบวนตุลาการไทยเวลานี้ ต่อกรณีเยาวชนพากันออกมาเรียกร้องการปฏิรูปและเปลี่ยนครรลอง ทางการเมืองและสังคมให้ไปตามทิศทางอันควรคล้องจองกับยุคสมัยแห่งความ ‘เท่าเทียม’ ไม่ต้องสมบูรณ์สุดโต่ง
อันกิจกรรมยืนทุกวันหน้าศาลฎีกาเรียกร้องตุลาการ ‘หยุดขัง’ กลั่นแกล้งกักกันกลุ่มคนรุ่นใหม่แกนนำการชุมนุมคณะราษฎร ผ่าน ๒๓ วันมาแล้วนั้น จำนวนผู้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันนี้ถึง ๔๕๐ คน ส่วนเมื่อวานนับกันได้ ๓๖๗ คน
ด้วยความเห็นอกเห็นใจในปณิธานแม่นมั่นของเยาวชนและนักกิจกรรม ซึ่งต้องขังทั้งที่ยังมิได้พิจารณาความผิดตามข้อกล่าวหาลอยๆ แม้แต่รายล่าสุดผู้เดินทางมาจากเชียงราย ยึดพื้นที่ทางเท้าหน้าศาลอดอาหารประท้วง ก็ยังโดนจับข้อหา ม.๑๑๒
แม้จะยังมี ‘ไทยเฉย’ ไม่สน ไม่กล้า แสดงออกเพื่อความเป็นธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ความเหี้ยมหฤโหดของผู้มีอำนาจ มีศักดินา มีบารมีให้อ้างอิงอย่างเกินจริง แย้งครรลองสากลของสังคมยุคใหม่
แต่เสียงเท่าที่ได้ส่งออกมาเป็นกำลังใจผู้กล้าเพื่อประชาธิปไตยนั้นดังกึกก้องในจิตสำนึกอีกนานเท่านาน
(https://prachatai.com/journal/2021/04/92566, https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/932320 และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/10161669820719848)