วันเสาร์, มีนาคม 13, 2564

เบรคฉีด 'แอสตร้าเซเนก้า' ยางไหม้ กลิ่นคลุ้งใส่บริษัทผลิต 'พระราชทาน'


ขอโทษสื่อที่ทำตัวเป็นเด็ก เล่นขี้ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อใส่หน้า ล้อเล่น นักข่าวแล้ว นึกว่าจะหมดเรื่องกันไป แต่ความเป็นเด็ก ขี้แยก็ยังไม่พ้นบ่วงถูกกระเซ้าอีกว่า “แกมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอดและตา...#โรคปอดแหก กับตาขาว” หมออั้ม อิราวัต เป็นผู้วินิจฉัยเรื่อง

งดฉีดวัคซีน แอสตร้าเซเนก้ากระทันหัน ที่เตรียมตั้งโต๊ะตั้งกล้องฉีดโชว์ให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีเป็นการใหญ่ก็พับไป อ้าง ความปลอดภัยของประชาชนหลังจากที่เกิดข่าวอื้ออึงว่าประเทศในยุโรป พบว่าวัคซีนยี่ห้อนี้ทำให้เกิดอาการข้างเคียง

ที่หมอยง ภู่สุวรรณ หัวหน้าไวรัสวิทยา จุฬาฯ บอกว่า “อาการลิ่มเลือด คือการแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และมีโอกาสเข้าไปอุดในปอด ทำให้เลือดเข้าปอดไม่ได้ ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต” แต่ถึงอย่างนั้น อาการที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแล้ว ๓ ล้านโดส มีเพียง ๒๒ ราย

และเสียชีวิตเพียง ๑ ราย ทำให้อัตราการเกิดอาการข้างเคียงถึงตายจากวัคซีนแอสตร้าฯ เพียง ๗ ต่อล้าน การงดฉีดเป็นเพียงการเลื่อนเพื่อดูสถานการณ์ “ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนไม่ดี” แถมยังวัคซีนที่เกิดเหตุนั่นผลิตในยุโรป ไม่ใช่ในเกาหลีใต้เหมือนที่มาไทย

ก็โอเค แต่ รมว.สาสุข ทั่นอธิบายแบบหมอยงไม่เป็น (ทั่นเป็นหมอกันชง) อุตส่าห์เข้าไปใน คลับเฮ้าส์ที่เขาคุยกันเรื่อง “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” พยายามจะบอกว่าแผนการฉีดวัคซีนยังเป็นไปตามเป้า “ยืนยันฉีดวัคซีนคนไทยปีนี้ ๖๐ ล้านโดส

เริ่มเดือน มิ.ย. ๕ ล้านโดส ก่อนปูพรมฉีดเดือนละ ๑๐ ล้านโดสตั้งแต่ ก.ค. ยาวไปจนถึงสิ้นปี ๒๕๖๔” ก็โดน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าไปงัดว่าไม่ตรงตามลายลักษณ์อักษรที่ทางการแจ้งไว้ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งระบุว่าจะฉีดได้ปีละ ๑๐-๒๐ ล้านโดสเซสเท่านั้น

อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ฉุนสิ โต้ว่านั่นมันข้อมูลเก่า ตอนนี้ปรับแผนใหม่แล้ว “ตั้งแต่เดือน มิ.ย. จะต้องฉีดให้ได้ ๕ ล้านโดส เดือน ก.ค. ๑๐ ล้านโดส ระหว่างทางจะฉีดเพิ่มอย่างไรมีเวลาพิจารณา” ถ้าบอกแต่แรกว่าแผนนั้นไม่ตายตัว จะปรับเพิ่มเรื่อยๆ

“พูดว่าผมโกหก ถ้าพูดว่ารองนายกรัฐมนตรีมาโกหกประชาชน มันเป็นไปได้ยังไงครับ” อันนี้ตอบแทน ไอ้ทอนว่ามันเป็นไปแล้วหลายหน ทั่นเป็นคนพูดผิดอยู่เสมอแล้วพูดใหม่โดยไม่แก้ไขของเก่า ปล่อยเลยตามเลย ฉะนั้นที่ทั่นพูดๆ ไปมา คนเขาจึงไม่ค่อยเชื่อไง

แล้วที่ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิสร พรรคก้าวไกล ติงไว้แต่ไหนแต่ไร ว่ารัฐบาลติดบ่วงอยู่กับ สยามไบโอไซน์ผู้รับช่วงการผลิตจากแอสตร้าเซเนก้า กว่า ๖๐ ล้านโดสเซสนั้น เป็นการเสี่ยงมาก แม้จะมี ซีดโนแว็คของจีนมาเสริมก็แค่ ๒ ล้านโดสเซส

หากเกิดอะไรกระตุกขลุกขลัก ดังกรณีต้องยับยั้งฉีดแอสตร้าเซเนก้าครั้งนี้ ไม่มีแผนสองรองรับ ถ้าเตรียมยี่ห้ออื่นๆ ไว้ด้วยก็จะง่ายเหมือนในยุโรป พอยับยั้งแอสตร้าเซเนก้า ก็หันไปฉีดไฟ้เซอร์ หรือโมเดอร์น่า หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ได้ทันที

มีข้อสังเกตุจากหมอสลักธรรม โตจิราการ เอ่ยถึงบริษัทสยามไบโอไซน์ที่มี บิ๊กดีล รับผลิตให้แอสตร้าเซเนก้า ว่า “น่าจะเหนื่อย” เพราะสไตล์การผลิต “ไม่ได้ง่ายมาก ขนาดบริษัท CSL ของออสเตรเลียยังเจออุปสรรคผลิตไม่ได้ตามที่หวัง”

แล้วประเด็นที่ ส.ส.วิโรจน์ ชี้ว่าบริษัทผู้ผลิตในประเทศต่างๆ หลายแห่งที่จัดว่ามีความช่ำชองเรื่องการผลิตวัคซีนมาก่อน ยังพลาดได้ แล้วบริษัทสยามไบโอไซน์ ที่ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน แม้รัฐบาลจะออกทุนจัดซื้ออุปกรณ์ให้ ความน่าเชื่อถือย่อมยังไม่มี

ท้วงติงอย่างนั้น บรรดา สลิ่ม สาวก ๘๔,๐๐๐ เซลส์ จะพยายามบอกว่า ดูถูก ต้องโดน ๑๑๒ นะ หาว่าพูดอย่างนี้หมิ่นทั้ง ร.๙ ซึ่งทรงเป็นต้นคิดริเริ่มตั้งบริษัทนี้ และ ร.๑๐ ซึ่งทรงเป็นเจ้าของบริษัทนี้เต็มๆ ผ่านทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนกษัตริย์


ยิ่งบ้าบอคอแตกไปใหญ่ อนุทินเองเอาคืนด้วยการเหน็บแนมกระทบธนาธรว่า “มีหนึ่งคนที่เคยถูกจับได้ว่าโกหกประชาชน คือคนที่พูดเรื่องวัคซีนพระราชทาน ทั้งที่คำนี้เริ่มโดยสื่อสายโหนเจ้ารายหนึ่ง แล้วธนาธรเก็บเอามาเอ่ยถึง

จึงสมแล้วละที่อนุทินโดนทัวร์ลงถล่ม เมื่อเก็บความแค้นจากคลับเฮ้าส์เอาไประบายที่เฟชบุ๊ค อ้างว่า “บรรยากาศมาเสียตอนที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเข้ามา” แล้วบอกว่า “คุณอนุทินต้องพูดความจริง อย่าโกหกประชาชน”

ถึงขั้นนี้ เสี่ยหนู ไม่เพียงเดินตามรอย เฮียตู่ แต่พัฒนาขีดความสามารถในการตลบแตลงไล่หลังคนดังในรัฐบาลสืบทอดอำนาจอีกราย พ่อค้าแป้งส่งออกออสเตรเลีย นั่นไง

(https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1554820264887246, https://www.prachachat.net/general/news-628666, https://www.matichon.co.th/politics/news_2621441 และ https://www.thebangkokinsight.com/570751/...)